วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

อาหารเวียดนาม ส่วนผสมสำหรับทำ กุ้งพันตะไคร้

 

 

ส่วนผสมสำหรับทำ กุ้งพันตะไคร้

เนื้อกุ้ง 1 ถ้วย
มันหมู ครึ่งถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
พริกไทย 2 ช้อนชา
น้ำปลา 2 ช้อนชา
กระเทียมบด 1 ช้อนโต้ะ
ตะไคร้บดละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
ต้นตะไคร้ ประมาณ 5 ต้น
น้ำมันพืช 3 ถ้วย

การเตรียมอาหาร สำหรับทำ กุ้งพันตะไคร้


1. เตรียมเนื้อกุ้ง โดย นำ มันหมู เนื้อกุ้ง มาบดให้ละเอียด จนมันหมูกับกุ้งเข้ากัน จานนั้นนำ กระเทียมบด ตะไคร้บด น้ำปลา น้ำตาล เกลือ และไข่ไก่ ผสมให้เข้ากัน และหมักไว้ 30 นาที
2. นำเนื้อกุ้งที่หมัก มาปั่นเป็นก้อนไว้กับต้นตะไคร้
3. ตั้งกระทะน้ำทันให้ร้อน นำกุ้งที่พันตะไคร้ ไปทอดให้สุกเป็นสีเหลืองทอง
4. เสริฟ กุ้งพันตะไคร้ ทานกับน้ำจิ้ม ผัก และขนมจีน


ทัวร์เวียดนาม   ทัวร์เวียดนาม   ทัวร์เวียดนาม   ทัวร์เวียดนาม 

วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ชายหาดตันหยงรู

         ตั้งอยู่บนแหลมทางตอนเหนือของเกาะลังกาวี มีชื่อเหมาะสมมากเพราะมีต้นสนอยู่ทั่วเกาะลังกาวี มีชื่อเหมาะสมมากเพราะมีต้นสนอยู่ทั่วเกาะ และ ชายหาดสวยงามสะอาดมาก ซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่ตระการตาในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งอาจเดินถึงได้เมื่อระดับน้ำลดต่ำลง จึงนับเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด ถ้าเดินทางโดยทางเรือเป็นระยะสั้นๆ จากที่นี่ก็จะนำท่านไปสู่ปากประตูถ้ำเชอริต้า (ถ้ำแห่งนิยายซึ่งสมตามชื่อคือเป็นถ้ำที่เต็มไปด้วยนิยายลึกลับและความรัก อันหวานชื่น ตามกำแพงถ้ำจะเห็นตัวอักษรโบราณที่ยังไม่มีการแปลอย่างชัดเจน จึงได้กล่าวได้ว่ามีนิยายมากมายเกี่ยวกับถ้ำนี้




ทัวร์มาเลเซีย   ทัวร์มาเลเซีย   ทัวร์มาเลเซีย

ปากปล่องภูเขาไฟ ซานกึมบูรี

         ปากปล่องภูเขาไฟ ซานกึมบูรี เป็นหนึ่งในปากปล่องภูเขาไฟทั้งสามแห่งบนเกาะ เชจู อีกสองแห่งได้แก่ ทะเลสาบ เพ็งนกทัม ที่ยอดเขา ฮัลลาซาน และซงซานโป หรือยอดเขาตะวันขึ้น

ปากปล่องภูเขาไฟ ซานกึมบูรี มีเส้นรอบวงยาว 2 กม. ในบริเวณนี้มีพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ทั้งแบบกึ่งโซนร้อนแบบภูมิอากาศอบอุ่น และแบบภูเขาทั้งหมด 420 ชนิด จนเป็นที่รู้จักในหมู่นักพฤษศาสตร์ว่า เป็นขุมสมบัติแห่งพรรณไม้ เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการไปเยือนปากปล่องภูเขาไฟซานกึมบูรี คือในฤดูร้อน หรือฤดูใบไม้ร่วง




ทัวร์เกาหลี   ทัวร์เกาหลี   ทัวร์เกาหลี   ทัวร์เกาหลี

ภูเขาไฟโบรโม

          ภูเขาไฟโบรโมเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับสนิท หนึ่งในภูเขาไฟหลายๆ ลูกของเทือกเขา Tengger ที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Bromo-Tengger-Semeru เมืองสุราบายา มีความสูงถึง 2,329 เมตร แต่ก็ยังไม่ใช่จุดที่สูงที่สุดของเทือกเขาแห่งนี้
ภูเขาไฟโบรโมเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยว ที่มาดื่มด่ำบรรยากาศ และความงามของภูเขาไฟโบรโม ซึ่งสามารถเข้าไปถึงปากปล่องภูเขาไฟโบรโมได้ง่ายที่สุดกว่าภูเขาไฟลูกใกล้เคียงอื่นๆ เนื่องจากเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ จึงมีควันครุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ทำให้ภูเขาไฟโบรโมได้รับสมยานามว่า "ลมหายใจเทพเจ้า"
กลุ่มควันจากภูเขาไฟโบรโมที่ล่องลอยจากปล่องด้านบนที่เป็นแอ่งกว้างคล้ายหลุม ทำให้ตัวภูเขาไฟโบรโมที่มีสัณฐานป้านเตี้ยดูคลุมเครือ กลายเป็นภาพประกอบด้านหลังให้กับภูเขาไฟบาตอก (Mount Batok) ที่ตั้งอยู่ด้านหน้า รูปทรงของภูเขาไฟบาตอกสมมาตร พูนสูงขึ้น มีรอยจีบย่นรอบ ๆ อันเกิดจากลาวาที่ไหลออกมายามปะทุระเบิด ทำให้แปลกตากว่าภูเขาทั่วไป ภูเขาไฟโบรโมมีสีเขียวอ่อนที่เกิดจากพันธุ์ไม้ที่ขึ้นปกคลุม ทำให้ภูเขาไฟบาตอกดูมีชีวิตชีวา อ่อนเยาว์ ท่ามกลางความหม่นเทาของผืนทรายและกลุ่มควัน ด้านหน้าบริเวณตีนภูเขาไฟโบรโม วัดฮินดูสีเข้มตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว… ขับเน้นให้ภาพที่เห็นเบื้องหน้าคล้ายดินแดนแห่งเทพเจ้า
         การเดินทางไปยังที่ราบสูงเติงเกอร์เพื่อชมภูเขาไฟโบรโมทำได้หลายวิธี หรือจะเลือกใช้รถประจำทางสาธารณะ, รถไฟ เพื่อเดินทางมายังโปรโบลิงโก จากจุดนี้สามารถเดินทางต่อด้วยรถมินิแวนของบริษัทนำเที่ยวต่างๆ ที่ราบสูงเติงเกอร์มีโรงแรมหลายแห่งบริการห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยว เช่น งาดีซารี, ลาวา วิว ลอร์ด และเจอมารา ลาวัง ซึ่งอยู่ใกล้ปากปล่องภูเขาไฟมากที่สุด ห้องพักที่มีราคาแพงกว่าจะมีน้ำอุ่นบริการ
การเที่ยวชมกูนุงโบรโม ต้องเสียค่าธรรมเนียมเล็กน้อย เพราะตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ




ทัวร์บาหลี   ทัวร์บาหลี   ทัวร์บาหลี   ทัวร์บาหลี   แพคเกจทัวร์บาหลี

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

พระเจดีย์โบ่ตะต่าวน์

พระเจดีย์โบ่ตะต่าวน์เป็นเจดีย์ทรงระฆังสูง 40 เมตร สร้างขึ้นเพื่อรับพระเกศาธาตุก่อนที่จะนำไปบรรจุในพระเจดีย์ชเวดากอง มีความแตกต่างจากเจดีย์ทั่วไปคือ ออกแบบให้ใต้ฐานพระเจดีย์มีโครงสร้างโปร่ง ให้คนเดินเข้าไปภายในได้ โดยได้อัญเชิญพระบรมธาตุไว้ในผอบทองคำให้ผู้คนได้เข้ามากราบไหว้มองเห็นได้ชัดเจน 



ทัวร์พม่า   ทัวร์พม่า   ทัวร์พม่า   ทัวร์พม่า

วัดซงซานหลิน

         วัดซงซานหลินเป็นวัดใหญ่ที่สำคัญของเมืองจงเตี้ย วัดแห่งนี้ห่างจากเมืองจงเตี้ยนไปทางเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร  สร้างในสมัยทะไลลามะองค์ที่ 5 ในช่วงศตวรรษที่ 18 สมัยจักรพรรดิ์คังซี แห่งราชวงศ์ชิง และมีการสร้างในลักษณะจำลองแบบจากพระราชวังโปตาลา (Potala) ในกรุงลาซา (Lhasa) และนอกจากนี้ยังเป็นวัดนิกายลามะแบบธิเบตที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนนานซึ่งมีอายุที่เก่าแก่กว่า 300ปี และในช่วงเทศกาล ชาวทิเบตส่วนใหญ่ ก็จะนิยมการเต้นระบำหน้ากากและเป่าแตรงอนซึ่งเป็นการละเล่นที่อยู่ในช่วงเทศกาล สำคัญต่างๆของวัด รวมถึงประเพณีต่างๆ ที่ชาวทิเบตได้อนุรักษ์ไว้ ณ วัดซงซานหลินแห่งนี้



ทัวร์จีน   ทัวร์จีน   ทัวร์จีน   ทัวร์จีน  

วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ท่าเรือโบท(Boat Quay)

      ท่าเรือโบท(Boat Quay) ท่าเรือเก่าแก่ของประเทศสิงคโปร์ ในอดีตท่าเรือแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของการค้าขาย ธุรกิจขนสินค้าสามในสี่เกิดขึ้นที่ท่าเรือแห่งนี้ ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของประเทศสิงคโปร์ในด้านการเป็นจุดศูนย์กลางของธุรกิจ

         ท่าเรือโบท สิงคโปร์(Boat Quay)       ปัจจุบัน ที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ไปแล้ว ที่นี่มีทั้งภัตตาคารหรูหราและร้านอาหารกลางแจ้ง ผับและบาร์ นี่คือสถานที่พักผ่อนที่โปรดปรานทั้งของคนท้องถิ่นสิงคโปร์และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ



ทัวร์สิงคโปร์  ทัวร์สิงคโปร์   ทัวร์สิงคโปร์   ทัวร์สิงคโปร์

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วัดทิเบตชื่อกูม (Ghoom Monastery)

 วัดทิเบตชื่อกูม (Ghoom Monastery)เป็นวัดลามะนิกายหมวกเหลืองที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1850 ศาสนาพุทธยังเป็นหนึ่งในศาสนาสำคัญในแถบหิมาลัยตะวันออก โดยเฉพาะพุทธ มหายานแบบทิเบต ทำให้ยังมีวัดทิเบตสีสันสดใสตั้งอยู่ตามเมืองต่างๆ ทั้งในสิกขิมและดาร์จีลิง การสวดมนต์ก็เดินหมุนวงล้อสวดมนต์ที่มีอยู่รอบวัดด้านนอกตามเข็มนาฬิกาจนครบ 1 รอบ อธิษฐานขอพรตามที่ปราถนา



ทัวร์อินเดีย   ทัวร์อินเดีย   ทัวร์อินเดีย   ทัวร์อินเดีย

เทมเปิล สตรีท

เทมเปิล สตรีท คือถนนที่อยู่บนพื้นที่ Jordan และ Yau Ma Tei บนเกาะเกาลูน, ฮ่องกง มีชื่อเสียงในเรื่องของตลาดกลางคืน คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวและชาวฮ่องกง เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นผู้คนจำนวนมากมาที่นี่เพื่อซื้อของอาหารและของราคาถูก
เทมเปิล สตรีทยังมีอีกชื่อหนึ่งที่เรียกกันคือ เมน สตรีท(Men's Street)

                  
เทมเปิล สตรีท (Temple street) 



วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ภูเขาไฟโบรโม

ภูเขาไฟโบรโมเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับสนิท หนึ่งในภูเขาไฟหลายๆ ลูกของเทือกเขา Tengger ที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Bromo-Tengger-Semeru เมืองสุราบายา มีความสูงถึง 2,329 เมตร แต่ก็ยังไม่ใช่จุดที่สูงที่สุดของเทือกเขาแห่งนี้
ภูเขาไฟโบรโมเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยว ที่มาดื่มด่ำบรรยากาศ และความงามของภูเขาไฟโบรโม ซึ่งสามารถเข้าไปถึงปากปล่องภูเขาไฟโบรโมได้ง่ายที่สุดกว่าภูเขาไฟลูกใกล้เคียงอื่นๆ เนื่องจากเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ จึงมีควันครุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ทำให้ภูเขาไฟโบรโมได้รับสมยานามว่า "ลมหายใจเทพเจ้า"
กลุ่มควันจากภูเขาไฟโบรโมที่ล่องลอยจากปล่องด้านบนที่เป็นแอ่งกว้างคล้ายหลุม ทำให้ตัวภูเขาไฟโบรโมที่มีสัณฐานป้านเตี้ยดูคลุมเครือ กลายเป็นภาพประกอบด้านหลังให้กับภูเขาไฟบาตอก (Mount Batok) ที่ตั้งอยู่ด้านหน้า รูปทรงของภูเขาไฟบาตอกสมมาตร พูนสูงขึ้น มีรอยจีบย่นรอบ ๆ อันเกิดจากลาวาที่ไหลออกมายามปะทุระเบิด ทำให้แปลกตากว่าภูเขาทั่วไป ภูเขาไฟโบรโมมีสีเขียวอ่อนที่เกิดจากพันธุ์ไม้ที่ขึ้นปกคลุม ทำให้ภูเขาไฟบาตอกดูมีชีวิตชีวา อ่อนเยาว์ ท่ามกลางความหม่นเทาของผืนทรายและกลุ่มควัน ด้านหน้าบริเวณตีนภูเขาไฟโบรโม วัดฮินดูสีเข้มตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว… ขับเน้นให้ภาพที่เห็นเบื้องหน้าคล้ายดินแดนแห่งเทพเจ้า
         การเดินทางไปยังที่ราบสูงเติงเกอร์เพื่อชมภูเขาไฟโบรโมทำได้หลายวิธี หรือจะเลือกใช้รถประจำทางสาธารณะ, รถไฟ เพื่อเดินทางมายังโปรโบลิงโก จากจุดนี้สามารถเดินทางต่อด้วยรถมินิแวนของบริษัทนำเที่ยวต่างๆ ที่ราบสูงเติงเกอร์มีโรงแรมหลายแห่งบริการห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยว เช่น งาดีซารี, ลาวา วิว ลอร์ด และเจอมารา ลาวัง ซึ่งอยู่ใกล้ปากปล่องภูเขาไฟมากที่สุด ห้องพักที่มีราคาแพงกว่าจะมีน้ำอุ่นบริการ
การเที่ยวชมกูนุงโบรโม ต้องเสียค่าธรรมเนียมเล็กน้อย เพราะตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ



 ทัวร์บาหลี   ทัวร์บาหลี   ทัวร์บาหลี   ทัวร์บาหลี

เมืองโทยามา

เมืองโทยามา Toyama เป็นจังหวัดที่ติดทะเลญี่ปุ่นและมีภูมิประเทศเป็นเทือกเขาที่มียอดเขาสูงกว่า 3,000 เมตร มากมาย ทะเลที่ติดกับจังหวัด Toyama มีความลึกถึง 4,000 เมตร จึงทำให้ ที่นี่อุดมสมบรูณ์ไปด้วยอาหารทะเลนานาชนิด เช่น ปลา ปลาหมึก กุ้ง หอย ปู ฯลฯ และยังมี Houses of Gokayama บ้านในแบบ Gassho ที่เป็นมรดกโลกอันเลื่องชื่ออีกด้วย Toyama เคยเป็นเจ้าภาพจัด National Athletic Meet 2000 และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายด้านการจัดประชุมพร้อมที่พักที่ได้มาตรฐานสากลด้วย

แหล่งท่องเที่ยวใน Toyama
Toyama เต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงามมากมาย มีบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงท่ามกลางทิวทัศน์ชองยอดเขาและท้องฟ้าสามารถชม วิวได้อย่างปลอดโปร่งโดยรอบในขณะที่คุณกำลังแช่น้ำพุอยู่ กำแพง The sheer walls of Kurbe เป็นกำเเพงที่ใหญ่ที่สุดที่ต้องโดยสารรถไฟเพื่อชมความอลังการของกำแพงแห่ง นี้ และภูเขาไฟ Jigokudani ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 กิโลเมตร Toyama ยังมีหมู่บ้าน Gokayama ที่องค์การ UNESCO จัดให้เป็นมรดกโลก ที่หมู่บ้านแห่งนี้จะมีบ้านแบบ Gassho ที่มีหลังคาสูงชันเพื่อให้ทนทานและเหมาะสมกับ สภาพอากาศฤดูหนาวเมื่อยามหิมะตกหนัก ชาวบ้านที่นี่อาศัยอยู่อย่างสงบสุขและดำเนินชีวิตตามแบบประเพณีดั้งเดิมอีก ทั้งยังมีวัด Zuiyu-ji ซึ่งถูกจัดให้เป็นสมบัติอันล้ำค่าแห่งชาติของญี่ปุ่น สร้างโดยเจ้าเมืองเมื่อ 300 ปีก่อนและวัด Shoko-ji บริเวณวัดมีเนื้อที่กว้างขวางและเป็นแหล่งรวมจิตรกรรมและงานศิลปะต่างๆ โรงแรม ห้องพักใน Toyama มีทั้งหมดมากกว่า 130 แห่ง รวมทั้งสิ้นกว่า 5,900 ห้อง เพียงแค่หนึ่งชั่วโมงจากสนามบิน Haneda (โดยสารเครื่องบิน) ท่านก็จะได้สัมผัสกับธรรมชาติสบายๆ พร้อมลิ้มรสอาหารทะเลสดจากแหล่งต้นกำเนิด ณ ที่นี่ Toyama ที่นี่ที่เดียว




ทัวร์ญี่ปุ่น   ทัวร์ญี่ปุ่น   ทัวร์ญี่ปุ่น   ทัวร์ญี่ปุ่น

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เกาะเซนโตซ่า (Sentosa)

เกาะเซนโตซ่า (แปลว่าสันติภาพและความสงบในภาษามาเลย์), เป็นเกาะรีสอร์ทชื่อดังของประเทศสิงคโปร์ มีผู้มาเยือนถึง 5 ล้านคนต่อปี สิ่งที่น่าสนใจอย่างเช่นที่พักบนชายหาดความยาว 2 กิโลเมตร, สนามกอล์ฟ 2 สนาม และโรงแรม 5 ดาวสองโรงแรม              
   เกาะเซนโตซ่า สิงคโปร์(Sentosa)
        ที่นี่มีกิจกรรมมากมายให้คุณได้ใช้เวลาไปกับมัน คำนิยามของเกาะเซนโตซ่า – สวนสนุก รีสอร์ตเขตร้อน สวนธรรมชาติ และศูนย์วัฒนธรรม ทั้งหมดอยู่ในเกาะเพียงเกาะเดียว!





ทัวร์สิงคโปร์   ทัวร์สิงคโปร์  

ชายหาดตันหยงรู

ชายหาดตันหยงรู   ตั้งอยู่บนแหลมทางตอนเหนือของเกาะลังกา วี มีชื่อเหมาะสมมากเพราะมีต้นสนอยู่ทั่วเกาะลังกาวี มีชื่อเหมาะสมมากเพราะมีต้นสนอยู่ทั่วเกาะ และ ชายหาดสวยงามสะอาดมาก ซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่ตระการตาในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งอาจเดินถึงได้เมื่อระดับน้ำลดต่ำลง จึงนับเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด ถ้าเดินทางโดยทางเรือเป็นระยะสั้นๆ จากที่นี่ก็จะนำท่านไปสู่ปากประตูถ้ำเชอริต้า (ถ้ำแห่งนิยายซึ่งสมตามชื่อคือเป็นถ้ำที่เต็มไปด้วยนิยายลึกลับและความรัก อันหวานชื่น ตามกำแพงถ้ำจะเห็นตัวอักษรโบราณที่ยังไม่มีการแปลอย่างชัดเจน จึงได้กล่าวได้ว่ามีนิยายมากมายเกี่ยวกับถ้ำนี้


 
ทัวร์มาเลเซีย   ทัวร์มาเลเซีย

พระราชวังเคียงบกกุง

พระราชวังเคียงบกกุง          สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1394 เพื่อเป็นพระราชวังหลักของราชวงศ์โซซอน (1392-1910) อันเป็นราชวงศ์ที่สถาปนาขึ้นโดยกษัตริย์แทโจในจำนวนพระราชวังทั้ง 5 ที่สร้างขึ้นในราชวงศ์นี้ พระราชวังเคียงบกกุงถือเป็นพระราชวังที่สวยงามและยิ่งใหญ่ที่สุด ทัวร์พระราชวังมีไกด์นำเที่ยวอธิบายเป็นภาษาอังกฤษทุกวันตั้งแต่ 09.30 น. 12.00 น. 14.00 น. และ 15.00 น.


ทัวร์เกาหลี   ทัวร์เกาหลี  

วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ฮาลองเบย์(Halong Bay)

ฮาลองเบย์(Halong Bay) หนึ่งในมรดกโลกของเวียดนาม(UNESCO World Heritage Site) อ่าวแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 1,553 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ประมาณ 1,960 เกาะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกาะหินปูนซึ่งก่อตัวมาตั้งแต่เมื่อ 500 ล้านปีที่แล้ว อ่าวฮาลองยังเป็นต้นกำเนิดของดอกไม้และพืชพันธุ์กว่า 60 ชนิดที่พบได้เฉพาะที่นี่
                  ฮาลองเบย์ เวียดนาม(Ha Long Bay)  
            ในปี 1962, กระทรวงการท่องเที่ยวของเวียดนามได้จัดให้อ่าวฮาลองเป็นเขตพื้นที่อนุรักษ์ และในปี 1994 องค์การ UNECO ได้ประกาศให้อ่าวแห่งนี้เป็นมรดกโลก ทุกวันนี้อ่าวฮาลองเป็นพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุดแห่งหนึ่งในเวียดนาม และถูกจัดให้เป็นอ่าวที่สวยงามที่สุดเป็นอันดับที่ 33 ของโลกอีกด้วย



ทัวร์เวียดนาม    ทัวร์เวียดนาม    ทัวร์เวียดนาม    ทัวร์เวียดนาม  

เมืองเวสาลี

เมืองเวสาลี เมืองโบราณในสมัยพุทธกาล มีความสำคัญในฐานะที่เป็นเมืองหลวงของพระเจ้าลิจฉวี ที่มีปกครองแคว้นวัชชี เมืองนี้เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งในสมัยพุทธกาล เป็นเมืองที่มั่นแห่งสำคัญของพระพุทธศาสนาในสมัยนั้น โดยพระพุทธเจ้าเคยเสด็จเยี่ยมเมืองแห่งนี้ในปีที่ 5 หลังการตรัสรู้ ตามการกราบบังคมทูลเชิญจากเจ้าผู้ครองแคว้นและในช่วงหลังพุทธกาล เมืองแห่งนี้ได้ตกเป็นของแคว้นมคธโดยการนำของพระเจ้าอชาตศัตรูกษัตริย์แห่ง เมืองราชคฤห์และหลังการล่มสลายของราชวงศ์พิมพิสารในเมืองราชคฤห์ พระราชาองค์ต่อมาจึงได้ย้ายเมืองหลวงแห่งแคว้นมคธมายังเมืองเวสาลี ทำให้เมืองแห่งนี้เจริญถึงขีดสุด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองนี้ได้เป็นสถานที่ทำทุติยสังคายนาของพระพุทธศาสนา ก่อนที่จะเสื่อมความสำคัญและถูกทิ้งร้างลงเมื่อมีการย้ายเมืองหลวงของแคว้น มคธไปยังเมืองปาฏลีบุตรหรือเมืองปัตนะอันเป็นเมืองหลวงของรัฐพิหารใน ปัจจุบัน
เวสาลีมีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล โดยเป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากแคว้นหนึ่งในบรรดา 16 แคว้นของชมพูทวีป มีการปกครองด้วยระบบสามัคคีธรรมหรือคณาธิปไตย ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตยระบบหนึ่ง คือไม่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขทรงอำนาจสิทธิ์ขาด มีแต่ผู้เป็นประมุขแห่งรัฐซึ่งบริหารงานโดยความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งจะประกอบไปด้วยเหล่าสมาชิกจากเจ้าวงศ์ต่าง ๆ วึ่งรวมเป็นคณะผู้ครองแคว้น ในคัมภีร์พระพุทธศาสนากล่าวว่าเจ้าวงศ์ต่าง ๆ มีถึง 8 วงศ์ และในจำนวนนี้วงศ์เจ้าลิจฉวีแห่งเวสาลีและวงศ์เจ้าวิเทหะแห่งเมืองมิถิลา เป็นวงศ์ที่มีอิทธิพลที่สุดในสมัยพุทธกาล ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาที่เวสาลีหลายครั้ง แต่ละครั้งจะทรงประทับที่กูฏาคารศาลาวัดป่ามหาวันเป็นส่วนใหญ่ พระสูตรหลายพระสูตรเกิดขึ้นที่เมืองแห่งนี้ และที่กูฏาคารศาลานี่เอง ที่เป็นที่ ๆ พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี พระน้านางของพระพุทธองค์ พร้อมกับบริวาร สามารถอุปสมบทเป็นภิกษุณีได้เป็นครั้งแรกในโลก และในการเสด็จครั้งสุดท้ายของพระพุทธองค์ พระองค์ได้ทรงรับสวนมะม่วงของนางอัมพปาลี นางคณิกาประจำเมืองเวสาลี ซึ่งนางได้อุทิศถวายเป็นอารามในพระพุทธศาสนา
พระพุทธองค์ได้ทรงจำพรรษาสุดท้ายที่เวฬุวคามและได้ทรงปลงอายุสังขารที่ปาวาลเจดีย์ และเมื่อหลังพุทธปรินิพพานแล้วได้ 100 ปี ได้มีการทำสังคายาครั้งที่ 2 ณ วาลิการาม ซึ่งทั้งหมดล้วนอยู่ในเมืองเวสาลี
ในช่วงไม่นานหลังพุทธปรินิพพานของพระพุทธเจ้า เมืองเวสาลีได้ตกไปอยู่ในอำนาจของแคว้นมคธ โดยการนำของพระเจ้าอชาตศัตรู กษัตริย์แห่งราชคฤห์ คัมภีร์พระพุทธศาสนากล่าวว่า สาเหตุของการเสียเมืองแก่แคว้นมคธเพราะความแตกสามัคคีของเจ้าวัชชี เพราะการยุยงของวัสสการพราหมณ์ พราหมณ์ที่พระเจ้าอชาตศัตรูส่งเป็นไส้สึกเพื่อบ่อนทำลายภายใน เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูยกกองทัพมายึดเมืองจึงสามารถยึดได้โดยง่าย เพราะไม่มีเจ้าวัชชีองค์ใดต่อสู้ เพราะขัดแย้งกันเอง ทำให้แคว้นวัชชีล่มสลายและเมืองเวสาลีหมดฐานะเมืองหลวงแห่งแคว้นและตกไปอยู่ ในอำนาจของแคว้นมคธ แต่จากเหตุการณ์ย้ายเมืองหลวงแห่งแคว้นมคธหลายครั้งในช่วง พ.ศ. 70 ที่เริ่มจากอำมาตย์และราษฎรพร้อมใจกันถอดกษัตริย์นาคทัสสก์แห่งราชวงศ์ของ พระเจ้าพิมพิสารแห่งราชคฤห์ออกจากพระราชบัลลังก์ และยกสุสูนาคอำมาตย์ซึ่งมีเชื้อสายเจ้าลิจฉวีในกรุงเวสาลีแห่งแคว้นวัชชี เก่า ให้เป็นกษัตริย์ตั้งราชวงศ์ใหม่แล้ว พระเจ้าสุสูนาคจึงได้ทำการย้ายเมืองหลวงของแคว้นมคธไปยังเมืองเวสาลีอันเป็น เมืองเดิมของตน ทำให้เมืองเวสาลีมีความสำคัญในฐานะเมืองหลวงอีกครั้ง แต่ทว่าก็เป็นเมืองหลวงได้ไม่นาน เพราะกษัตริย์พระองค์ต่อมาคือพระเจ้ากาลาโศกราช ผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุสูนาค ได้ย้ายเมืองหลวงของแคว้นมคธอีก จากเมืองเวสาลีไปยังเมืองปาตลีบุตร ทำให้เมืองเวสาลีถูกลดความสำคัญลงและถูกทิ้งร้าง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เมืองแห่งนี้ถูกทิ้งร้างอย่างสิ้นเชิงในช่วง พันปีถัดมา




 ทัวร์อินเดีย   ทัวร์อินเดีย   ทัวร์อินเดีย   ทัวร์อินเดีย

หมู่บ้านชาวประมงอเบอร์ดีน

ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ ท่าเรืออเบอร์ดีนคือหมู่บ้านชาวประมงนับร้อยชีวิต วิถีชีวิตของพวกเขาในหมู่บ้านชาวประมงเหมือนกับละครที่นำมาเปรียบกับสังชมชน ชั้นสูงที่กระจัดกระจายอยู่รอบข้างในฮ่องกง ในตอนกลางคืน บริเวณนี้จะเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง ด้วยแสงสะท้อนจากผืนน้ำหลากสีสัน
          หมู่บ้านชาวประมงอเบอร์ดีน
เพื่อที่จะสัมผัสถึงวิถีชีวิตของชาวประมงอเบอร์ดีน นักท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมใช้ับริการภัตตาคารลอยน้ำบนเรือที่ถูกตกแต่งสไตล์ วัฒนธรรมจีน ลิ้มรสอาหารทะเลสดอร่อย เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าที่ไม่ควรพลาด



วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เมอร์ไลออน(Merlion)

เมอร์ไลออน(Merlion) หรือสิงโตทะเล รูปปั้นนี้มีหัวเป็นสิงโต ร่างเป็นปลา ยืนอยู่บนยอดคลื่น ออกแบบขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของคณะกรรมการท่องเที่ยวของสิงคโปร์ (Singapore Tourism Board) ในปีค.ศ. 1964 และทั่วโลกก็ถือกันว่าสิงโตทะเลตัวนี้คือเครื่องหมายประจำชาติสิงคโปร์                 


สิงโตตัวนี้สูง 806 เมตร หนัก 70 ตัน ทำจากวัสดุจำพวกซีเมนต์ โดยช่างฝีมือชาวสิงคโปร์ ส่วนสิงโตทะเลตัวที่สองจะมีขนาดเล็ก โดยมีความสูง 2 เมตร หนัก 3 ตัน แต่เดิมรูปปั้นนี้ตั้งอยู่ที่สวนสิงโตทะเล(Merlion Park)

ผู้ออกแบบเมอร์ไลออนคือนายฟราเซอร์ บรูนเนอร์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแวนคลีฟ


ทัวร์สิงคโปร์   ทัวร์สิงคโปร์   ทัวร์สิงคโปร์  

วัดเก็กล๊กซี

วัดเก็กล๊กซี   ตั้งอยู่บนเชิงเขาในเขตเอเยอร์ อิตัม วัดแห่งนี้นับเป็นวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย และได้ชื่อว่าเป็นวัดจีนที่สวยที่สุดด้วย “มหาเจดีย์พระพุทธรูปหมื่นองค์” (Pagoda of Ten Thousand Buddhas) ซึ่งเป็นเจดีย์ทองที่ประดับพระพุทธรูปแกะสลักจำนวนหมื่นองค์ นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ที่เพิ่งสร้างเมื่อไม่นานมานี้ ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาเหนือมหาเจดีย์ วัดนี้เรียกอีกอย่างว่าวัดเต่าเพราะในบริเวณวัดมีสระน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งมีเต่าอาศัยอยู่จำนวนมาก



 ทัวร์มาเลเซีย   ทัวร์มาเลเซีย   ทัวร์มาเลเซีย 

หมู่บ้านพื้นเมืองเกาหลี

หมู่บ้านพื้นเมืองเกาหลี  เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จำลองวิถีชีวิตของชาวเกาหลีในสมัยเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว ประกอบด้วยการแสดงงานฝีมือชนิดต่าง ๆ เช่นการปั้นหม้อ การทอผ้า การตีเหล็ก และกิจกรรมอื่น ๆ แบบดั้งเดิม รวมทั้งมีบ้านแบบเกาหลี 260 หลัง และเวทีการแสดงกลางแจ้งสำหรับการแสดงนาฏศิลป์ และดนตรี



ทัวร์เกาหลี    ทัวร์เกาหลี    ทัวร์เกาหลี   

วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วิหารปรัมบานัม

วิหารปรัมบานัม
 
          วิหารปรัมบานัน (Prambanan) หรือวัดปรัมบานัน หรือจันทิปรัมบานัน (Candi : ปราสาทหรือเทวาลัย) ที่ความสำคัญและความยิ่งใหญ่ที่ดูน่าอัศจรรย์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ามหาเจดีย์บุโรพุทโธ
วิหารปรัมบานัน ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านปรัมบานัน เป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยชวาภาคกลาง ราว ค.ศ.ที่ 10 โดยพระเจ้าบาลีตุง แต่จากหนังสือประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ ดี จี ฮอลล์ กล่าวว่า ผู้สร้างปรัมบานันน่าจะเป็นพระเจ้าทักษากษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งสมัยชวาภาคกลาง ส่วนเหตุที่สร้างนั้นสันนิษฐานว่า สิ่งก่อสร้างทั้งหมดในเทวาลัยแห่งนี้น่าจะสร้างขึ้นเพื่อเป็นสุสานบรรจุพระศพของกษัตริย์และสมาชิกในพระราชวงศ์ ปรัมบานันก็ถูกละทิ้งและเสื่อมลงในเวลาต่อมาจนมาในยุคปัจจุบันปรัมบานันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกใน ปี ค.ศ. 1991
          ปี ค.ศ. 2006 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่บนเกาะชวา สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับปรัมบานัน อาคารหลายแห่งโดยเฉพาะเทวาลัยขนาดเล็กที่อยู่รายรอบนั้นพังทลายเสียหายหนักจนต้องปิดซ่อมแซมไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม แต่ว่าปัจจุบันวิหารปรัมบานันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้อีกครั้ง
ปรัมบานันมีชื่อเรียกขาน (ภาษาถิ่น) อีกอย่างหนึ่งว่า "โลโรจงกรัง" มีที่มาจากตำนานพื้นบ้าน ที่ว่ากันว่าโลโรกรังเป็นเจ้าหญิงแสนงาม (โลโรจงกรังภาษาถิ่นหมายถึงสาวร่างอรชร) จึงมียักษ์มาขอแต่งงานเจ้าหญิงไม่กล้าปฏิเสธ แต่ทรงขอให้ยักษ์สร้างจันทิให้ได้ 1 พันหลังถึงจะแต่งงานด้วย ยักษ์จึงใช้เวทมนตร์สร้างจันทิจนเกือบจะเสร็จสิ้น ส่วนเจ้าหญิงก็ใช้เวทมนตร์ทำลายจันทิเหล่านั้น เพราะไม่ต้องการแต่งงานด้วย ทำให้ยักษ์โกรธจึงสาปเจ้าหญิงให้กลายเป็นหิน แล้วนำรูปมาทำประติมากรรมประดิษฐานอยู่ในปรัมบานันแห่งนี้ ซึ่งชาวบ้านเรียกขานกันว่า "รูปโลโรจงกรัง"
สำหรับความยิ่งใหญ่ของจันทิปรัมบานันนั้นแรกที่ประสบพบเจอก็ทำเอาผมถึงกับอึ้ง ตะลึงงันแล้ว เพราะมันช่างดูอลงการดีแท้ แม้เหล่าจันทิเล็กๆ รอบนอกจันทิหลักที่สร้างเรียงเป็น 4 แถวจำนวน 224 หลังส่วนใหญ่จะถูกผลกระทบของแผ่นดินไหวจนพังทลายเหลือแต่ซาก แต่ว่าก็ยังทิ้งร่องรอยความยิ่งใหญ่ไว้ให้เห็น ถ้าหากยูเนสโกบูรณะซากจันทิเหล่านั้นขึ้นมาได้ ปรัมบานันก็คงจะกลับมายิ่งใหญ่อลังการอีกครั้ง ไม่แพ้บุโรพุทโธ

          ถัดจากจันทิเล็กเข้าไปก็เป็นเขตจันทิหลักที่มีกำแพงสี่เหลี่ยมมีประตูทางเข้าทั้ง 4 ทิศ ล้อมรอบ ภายในกำแพงโดดเด่นไปด้วยจันทิขนาดใหญ่ 3 หลัง ที่ล้วนหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เชื่อกันว่า จันทิองค์กลางที่ใหญ่ที่สุดเด่นที่สุดและสูงที่สุดถึง 47 เมตรนั้นสร้างถวายแด่พระอิศวร มีห้องกลางประดิษฐานรูปพระอิศวร และห้องเล็กๆ ทางทิศตะวันตกประดิษฐานรูปพระคเนศวร ทางห้องทิศใต้ประดิษฐานรูปพระอิศวรปางมหาโยคี ในห้องทิศเหนือประดิษฐานรูปนางทุรคา ซึ่งคนพื้นถิ่นเชื่อว่านี่น่าจะเป็นรูปโลโรจงกรัง สวนจันทิฝั่งทิศเหนือสร้างแด่พระนารายณ์ และฝั่งทิศใต้สร้างแด่พระพรหม

         ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามจันทิพระอิศวรเป็นจันทิขนาดย่อม สันนิษฐานว่าเป็นจันทิพาหนะทรงของเทพทั้ง 3 คือโคนนที(พระศิว) หงส์(พระพรหม) และครุฑ (พระนารายณ์) แต่ปัจจุบันเหลือเพียงโคนนทีเท่านั้น
อนึ่งเหล่าจันทิหลักในเขตกำแพงนั้นจะมีรูปทรงคล้ายกัน มีเจดีย์ทรงกลีบมะเฟืองอิทธิพลศิลปะอินเดีย เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญ จันทิบางหลังสามารถขึ้นไปชมภายในและภาพสลักรอบข้างได้ แต่บางหลังก็ขึ้นไม่ได้เพราะอยู่ช่วงการบูรณะ
แต่ก็สามารถเดินชมลวดลายสลักต่างๆ จำนวนมาก ได้โดยรอบ ซึ่งลวดลายส่วนใหญ่จะสลักเป็นเรื่องราวรามายณะ วิถีพื้นบ้าน เทพ เทพี โยคี ฤาษี และสัตว์ในเทพนิยายของฮินดู

         นอกจากนี้ปรัมบานันก็ยังมีลวดลายที่เป็นแบบฉบับของ ปรัมบานันโดยเฉพาะ อาทิ ซุ้มรูปสิงห์ที่มีต้นกัลปพฤกษ์อยู่ทั้ง 2 ข้าง และมีรูปกินนรนั่งอยู่ 2 ข้างของต้นกัลปพฤกษ์แต่ละต้น รูปต้นกัลปพฤกษ์มีนกอยู่ 2 ข้างรูปยักษ์จมูกโตหน้าคล้ายคน รูปหน้ากาลหัวมังกร เป็นต้น




ทัวร์บาหลี   ทัวร์บาหลี   ทัวร์บาหลี   ทัวร์บาหลี

พระบรมธาตุชเวดากอง

พระบรมธาตุชเวดากอง (Shewdagon Pagoda) พระมหาเจดีย์ทองคำ ที่งดงามตั้ง เด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางเมืองย่างกุ้ง มีความสูงประมาณ 109 เมตร ประดิษฐานอยู่บนเนินดินที่ชื่อ "Singu-Ttara" ซึ่งมีลานรูปสี่เหลี่ยม และเป็นเนินที่สูงที่สุด ในเขตปริมณฑลเมืองย่างกุ้ง มีความยาวโดยรอบประมาณ 473 เมตร รอบฐานพระมหาเจดีย์รายล้อมไปด้วยเจดีย์องค์เล็กๆ อีกร้อยองค์ มีซุ้มประตูสี่ด้าน ยอดฉัตรองค์พระมหาเจดีย์ ประกอบด้วยเพชร 5,448 เม็ด ทับทิม ไพลิน บุษราคัมอีก 2,17 เม็ด เบื้องล่างมีสิ่งปลูกสร้างรายล้อมอยู่โดยรอบกว่า 100 หลัง ทั้งสถูปวิหาร วิหารทิศ วิหารราย และศาลาอำนวยการ นับเป็นงานสถาปัตยกรรมฝีมือช่างพม่าที่งดงามหาที่เปรียบมิได้ สันนิษฐานว่าเริ่มก่อสร้างขึ้น ตั้งแต่ สมัยพุทธศตวรรษแรกๆ เชื่อกันว่าภายในองค์พระมหาเจดีย์ได้บรรจุเส้นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น พระมหาเจดีย์นี้ยังคงฐานะของพุทธสถานอันเป็นที่พึ่งทางใจ ของคนพม่า ในทุกชั้นวรรณะ ทุกเพศทุกวัย ในปัจจุบันชาวพุทธจากทั่วโลกก็มาประกอบกิริยาบุญในลักษณะต่างๆ โดยเฉพาะการกวาดลานพระเจดีย์ทุกวัน ทั้งเช้าและเย็น ท่านจะประทับใจในความงดงามของพระมหาเจดีย์ แห่งนี้ในยามเย็น จนทำให้ท่านเกิดปิติ ในพุทธบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างน่าประหลาดใจ
นักท่องเที่ยวจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าชมคนละ 5 USD ชำระเงินยูเอสดอลล่าร์ มหาเจดีย์ชเวดากองก็เหมือนกับศาสนสถานทุกแห่งในประเทศพม่า คือห้ามสวมรองเท้าและถุงเท้าแม้กระทั่งถุงน่องของผู้หญิงก็ห้ามใส่ โดยเริ่มต้นตั้งแต่ด้านนอกสุดของศาสนสถานทุกแห่งจนถึงภายในศาสนสถาน สำหรับเครื่องแต่งกายสุภาพสตรีห้ามสวมกระโปรงสั้นกางเกงขาสั้น เสื้อเอวลอย สายเดี่ยว เกาะอก เข้าไปในศาสนสถานทุกแห่งโดยเด็ดขาด 





ทัวร์พม่า   ทัวร์พม่า   ทัวร์พม่า   ทัวร์พม่า

พิพิธภัณฑ์ ดร. ซุนยัดเซ็น

พิพิธภัณฑ์ ดร. ซุนยัดเซ็น
     พิพิธภัณฑ์ ดร.ซุนยัดเซ็น ตั้งอยู่ที่เมืองกวางโจว เมืองเอกในมณฑลกวางตุ้ง ของประเทศจีน พิพิธภัณฑ์ดร.ซุนยัดเซ็น ( Dr.Sun Yat Sen Memorial ) สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึง ดร.ซุนยัดเซ็น ซึ่งถือว่าเป็นบิดาของคนจีนยุคใหม่ ดร. ซุน ยัดเซ็น เป็นผู้ก่อตั้งพรรคก๊กมินตั๋ง และเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐจีน เป็นแกนนำคนสำคัญในการโค่นล้มราชวงศ์ชิง เป็นผู้ที่มีพระคุณกับชาวจีนอย่างใหญ่หลวงเพราะเป็นผู้ที่ปลดปล่อยชาวจีน ให้รอดพ้นจากสังคมเดิมที่ล้าหลัง และระบบกษัตริย์ราชวงศ์ชิง
     พิพิธภัณฑ์ ดร.ซุนยัดเซ็น สร้างเสร็จในปี 1972 สร้างเพื่อระลึกวันเกิดร้อยปีของ ดร.ซุนยัดเซ็น สัญลักษณ์ของหอที่ระลึกแห่งนี้คือรูปปั้นเหมือนของตัวท่าน ที่ตั้งอยู่ ทางด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ และแผ่นป้ายที่เขียนว่า "เทียนเซี้ยะเหวยกง ” ซึ่งท่านก็เป็นผู้เขียนด้วยตัวของท่านเอง โครงสร้างภายนอกเลียนแบบวังจีน หลังคาปูด้วยกระเบื้องสีเหลือง ภายในหอมีห้องประชุมใหญ่ ห้องสมุด ดร.ซุนยัดเซ็น ห้องภาพ และห้องบรรยาย ในห้องโถงใหญ่มีรูปปั้นดร.ซุนยัดเซ็นที่ทำจากทองแดงแท้ สูง 5.8 เมตร ฐานสูง 3.1 เมตร ลานกว้างหน้าหอเป็นที่ชุมนุม
เที่ยวเล่นของชาวไทเป โดยเฉพาะช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ที่นี่จะคึกคักเป็นพิเศษ ภายในอนุสรณ์สถานนั้นเป็นหอประชุมขนาดใหญ่รูปทรงแปดเหลี่ยม ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเยี่ยม เพราะสร้างขึ้นโดยไม่มีเสากลางห้องที่จะบดบังสายตาของผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม 


วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วัดมหากันดายงค์

วัดมหากันดายงค์ ( Maha Gandayon Monastery )
ซึ่งเป็นวัดใหญ่ที่สุดของพม่าที่เมืองอมรปุระ ซึ่งในช่วงเพลจะมีภิกษุสงฆ์นับร้อยรูปเดินเรียงแถวด้วยอาการสำรวมเพื่อรับอาหารพระพุทธมหามุนี (Mahamui Pagoda )หรือรู้จักกันในนามพระล้างหน้า ที่มีความงดงามตามศิลปกรรมพม่า ที่มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปสำริดปิดทอง ที่อย คู่บ้านคู่เมืองมาช้านานที่สร้างขึ้นราว ปี พ.ศ 2327 เป็นสถานที่ที่สำคัญรองจากพระธาตุเชเวดากองในกรุงย่างกุ้ง พระราชวังมัณฑะเลย์ของพระเจ้ามินดงและกษัตริย์ สีป่อ พระเจ้าแผ่นดินองค์สุดท้าย พระราชวังมัณฑะเลย์สร้างขึ้นสมัยพระราชามินดง Mindon ราชาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ภายหลังจากมีสงครามระหว่างพม่ากับอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2395เวลานั้นเมืองหลวงอยู่ที่ อมรปุระ Amarapura ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2325 พระราชามินดงต้องการที่จะหาที่ตั้งของเมืองหลวงที่จะสร้างใหม่หลังสงครามเพราะเมืองหลวงเก่าได้ซึ่งผ่านสิ่งร้ายๆมา ประกอบกับการยึดมั่นในหลักศูนย์กลางพุทธศาสนา และพระพุทธเจ้าได้ปรินิพพานครบ 2,400 ปี จึงมีรับสั่งให้สร้างเมืองหลวงใหม่ให้เป็น "เมืองสีทอง" Golden City ได้ปรึกษากับพระโหราจารย์ และได้ศุภฤกษ์ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2400 โดยได้วางศิฤาฤกษ์ และต่อมาก็ตั้งผังเมือง โดยฝั่งทางตะวันตกนั้นได้นำชีวิตมนุษย์สังเวย โดยนำชาย หญิง และเด็กจำนวน 52 ชีวิต ฝังไว้ภายใต้เสาหลักเมือง เชื่อว่าวิญญาณของคนเหล่านี้จะปกป้องคุ้มครองเมือง การก่อสร้างเมืองเสร็จสมบูรณ์ในปี 2402 รวมระยะเวลาในการสร้าง 2 ปี เมืองสร้างเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส วัดได้ ประมาณ 2,030 เมตร ในแต่ละด้าน พระราชวังตั้งอยู่ตรงกลางจตุรัส มีกำแพงล้อมรอบโดยมีประตู 12 ด้าน ตามจักราศรีพระราชวังโดดเด่นด้วยหอสูง 78 เมตร ซึ่งตั้งเป็นศูนย์กลางของจักรวาลตามความเชื่อ เกี่ยวกับเรื่องไตรภูมิในพุทธศาสนา หลังคาสูงเจ็ดชั้นประดับด้วยทองคำเปลว โดยได้สร้างให้สมเกียรติ กับบัลลังค์สิงโตซึ่งใช้ในการประกอบพิธีกรรมสำคัญๆ เช่นพิธีKadaw เทิดพระเกียรติ ซึ่งจัดขึ้น 3 ครั้งต่อปี พระราชวังทั้งหมดทำจากไม้ซึ่งนำมาจากวังเดิมที่อมรปุระ พระราชวังตกแต่งด้วยไม้แกะสลักเป็นรูปตามเทพนิยาย รูปดอกไม้และสัญลักษณ์ทางโหราศาสตร์ มีหอนาฬิกาที่ทำจากไม้สักเพื่อเป็นที่สังเกตุการณ์ของทหารเพื่อระวังไฟไหม้ กษัตริย์มินดงได้สวรรค์คตในปี 2421 ต่อมาพระราชวังได้ถูกไฟไหม้วอดวาย ในปี 2488 รัฐบาลพม่าจึงได้บูรณะวังใหม 



ทัวร์พม่า   ทัวร์พม่า

อุทยานสระสวรรค์ จิ่วจ้ายโกว

จิ่วจ้ายโกว
จิ่วจ้ายโกว จิ่วจ้ายโกว
จิ่วจ้ายโกว จิ่วจ้ายโกว
อุทยานสระสวรรค์ จิ่วจ้ายโกว
     ตั้งอยู่ในบริเวณทางทิศเหนือของมณฑลเสฉวน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในบริเวณตอนใต้ของเทือกเขาหมิงซาน จิ่วไจ้โกว อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองเฉิงตูราว 500 กิโลเมตร
     อุทยานจิ่วจ้ายโกว หรือที่ชาวตะวันตกเรียกขานกันในนาม‘ดินแดนแห่งเทพนิยาย’ ตั้งอยู่ในอำเภอหนันผิงเขตปกครองตนเองของเผ่าเชียงชนชาติทิเบตทางตอนเหนือ ของมณฑลซื่อชวนหรือเสฉวนภาคตะวันตกของจีนครอบคลุมพื้นที่กว่า 720 ตารางกิโลเมตร ท่ามกลางหุบเขาที่ทอดตัวคดเคี้ยวไปมา โตรกธารลดเลี้ยวผ่านผาสูงและน้ำตกขนาดใหญ่ ก่อเกิดเป็นทิวทัศน์อันตระการตาโดดเด่นด้วยสีสันของภาพภูมิทัศน์โดยรอบ จิ่วไจ้โกวเป็นธารน้ำสองสายที่ไหลมารวมกัน สายหนึ่งไหลมาจากฉางไห่ (ทะเลสาบยาวด้านตะวันตก อีกสายหนึ่งไหลมาจากตาน้ำที่ป่าดึกดำบรรพ์ ทางด้านตะวันออก สองสายธารไหลคู่ขนานแล้วมาบรรจบกันที่ใกล้บริเวณทะเลสาบกระจก หรือจิ้งไห่ จากนั้นไหลรวมกันลงไปสู่แม่น้ำขาวหรือไป๋สุ่ยเจียง มีลักษณะเป็นรูปตัววาย
จุดเด่นของ จิ่วจ้ายโกว มีอยู่ด้วยกัน 5 อย่างคือ
       1. ทะเลสาบน้ำจืดขนาดน้อยใหญ่ที่มีจำนวนมากถึง 144 แห่ง
       2. ใบไม้เปลียนสีที่ดูงดงามในต้นฤดูใบไม้ร่วง
       3. เทือกเขาที่ยอดเขาปกคลุมไปด้วยหิมะที่แสนงดงาม
       4. น้ำตกขนาดน้อยใหญ่และลำธารมากมายที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในหุบเขา
       5. หมู่บ้านทั้งเก้าของชนเผ่าต่างๆของชาวทิเบต

        ‘จิ่วไจ้โกว’ ในภาษาจีนหมายถึง แควเก้าหมู่บ้าน (คำว่า จิ่ว = เก้า, ไจ้ = หมู่บ้าน, โกว = แควหรือธารน้ำ) โดยมีที่มาจากชนชาติทิเบต 9 หมู่บ้านที่อาศัยอยู่ริมธารน้ำบริเวณนี้มาแต่เดิม จิ่วไจ้โกวได้รับการเรียกขานจากชนเผ่าทิเบตว่าเป็น ‘ขุนเขาธารน้ำอันศักดิ์สิทธิ์’ ดังนั้นสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นขุนเขา ป่าไม้ ลำน้ำ หรือหินทุกก้อนล้วนได้รับการเคารพจากชนเผ่าพื้นเมืองทิเบต ปัจจุบันผืนป่าโบราณอันอุดมแห่งนี้จึงยังคงได้รับการรักษาไว้เป็นอย่างดี จิ่วไจ้โกวเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าทางตอนใต้ของเทือกเขาหมินซาน และเป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำเจียหลิงที่เป็นสาขาหนึ่งของลำน้ำฉางเจียง(แยงซีเกียง) ตั้งอยู่ริมชายขอบของที่ราบสูงทิเบตดินแดนแห่งหลังคาโลก เป็นเขตต่อเชื่อมจากที่ราบสูงทิเบตสู่มณฑลซื่อชวน สภาพทางนิเวศวิทยาของบริเวณนี้เป็นร่องรอยที่เกิดจากแรงอัดและการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกหนุนขึ้นมาจนอยู่ในระดับสูง ทำให้เกิดร่องหินคดเคี้ยวเป็นทางยาว มีทั้งยอดเขาหิมะสูงเสียดฟ้า และหุบเขาลึก เฉพาะเขตที่มีการเปิดให้สาธารณชนเข้าชมก็มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 2,000 – 3,100 เมตร อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 7 – 8 องศาเซลเซียส ด้วยสภาพภูมิประเทศที่มีความสูงต่ำแตกต่างกันอย่างมากมายนี้ ได้ทำให้สภาพภูมิอากาศและพืชพรรณสัตว์ป่าก็มีความหลากหลายและซับซ้อนยิ่งขึ้น

        ‘น้ำ’ถือเป็นจุดดึงดูดที่สุดในบรรดาสุดยอดความงามของทิวทัศน์จิ่วไจ้โกว ทั้งในด้านรูปลักษณ์ สีสัน ความหลากหลาย อีกทั้งสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงามยิ่งใหญ่ ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อเลื่องลือระดับชาติของจีน ความงามประหลาดของน้ำในจิ่วไจ้โกวนั้น มีสาเหตุจากการที่แหล่งน้ำในบริเวณนี้มีการสะสมของธาตุแคลเซี่ยมเจือปนอยู่ในปริมาณสูง อีกทั้งโดยมากเกิดกับพืชซึ่งจมอยู่ใต้ท้องน้ำ ทำให้ทะเลสาบและธารน้ำของที่นี่มีสีสันสดใสงดงามแปลกตา ธารน้ำในจิ่งไจ้โกวประกอบด้วยธารน้ำหลัก 2 สายไหลมาบรรจบกันเป็นรูปตัววาย (Y) มีความยาว 50 กว่ากิโลเมตร ตลอดแนวธารน้ำปรากฏบึงน้ำ ทะเลสาบ น้ำตกและโตรกธารมากมาย สายน้ำสีเขียวใสเลี้ยวลดอยู่ระหว่างแมกไม้ราวกับสายสร้อยมรกตที่ประดับอยู่บนอาภรณ์แห่งป่าเขาลำเนาไพร ทะเลสาบเลื่อมสลับลายและน้ำตกที่สูงสง่าอลังการ ทำให้ผู้คนที่มาเยือนไม่อาจละสายตาได้

         สำหรับป่าไม้โบราณที่ครอบคลุมอาณาบริเวณในจิ่วไจ้โกวกว่าครึ่ง แน่นครึ้มไปด้วยพืชพรรณแมกไม้หลายหลาก ทั้งยังเป็นแหล่งชุมนุมของสัตว์ป่าและนกนานาชนิด และเนื่องจากสภาพภูมิอากาศมีความแตกต่างกัน ดังนั้นชนิดหรือพันธุ์พืชก็แตกต่างไปตามสภาพทางภูมิศาสตร์ และอากาศ นับตั้งแต่พันธุ์ไม้โบราณ พันธุ์ไม้หายาก พันธุ์ไม้ที่ขึ้นในป่าดิบชื้น พันธุ์ไม้ที่ผ่านการปรับตัวทางพันธุกรรม และเฟิร์นชนิดต่าง ๆที่มีคุณค่ามากมาย ปัจจุบันมีพื้นที่ป่าธรรมชาติกว่า 3 พันตารางกิโลเมตร สัตว์และพันธุ์พืชกว่า 2,000 ชนิด สัตว์อนุรักษ์อีก 17 ชนิด รวมทั้งสัตว์สงวนอย่าง แพนด้า กระทิง ค่างขนทอง ละมั่งลายจุด กวางปากขาว แพนด้าจิ๋ว ลิงกัง ไก่ฟ้า ห่านฟ้า เป็นต้น
ปัจจุบัน เส้นทางอุทยานที่เปิดให้สาธารณชนได้เข้าชมมีความยาว 49 กิโลเมตร จากพื้นที่ 3 ใน 9 แคว โดยรัฐบาลจีนได้จัดทำบันไดไม้ปูลาดเป็นทางยาวเลียบไปกับเส้นทางน้ำ ผ่านโตรกธาร บึงน้ำ สระมรกต และน้ำตก เพื่อให้ได้ชื่นชมกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดรถปลอดมลพิษไว้บริการรับส่งนักท่องเที่ยวที่เมื่อยล้าหรือต้องการเดินทางไปชมในเขตที่ห่างไกลออกไป

ความงามแห่งสีสัน
         จิ่วจ้ายโกวมีชื่อเสียงด้านความงามแห่งสีสันที่แปลกเปลี่ยนไม่รู้จบ ทะเลสาบผุดขึ้นท่ามกลางหมู่แมกไม้เขียวขจี น้ำใสเป็นประกายชุ่มฉ่ำ ยอดเขาประกายหิมะ ตัดกับท้องฟ้าใสสีครามสลับปุยเมฆขาวเบาบาง เงาไม้หลากสีสันต้องแสงแดดสะท้อนลงบนผิวน้ำใสราวกระจกของทะเลสาบ เกิดเป็นภาพธรรมชาติอันงดงามที่แปรเปลี่ยนไปตามฤดูกาลผลิ ร้อน ร่วง หนาว ไม่ว่ายามสงัดฟ้าใส หรือฝนตกฟ้าคะนอง ยามเช้าหรือยามเย็น หิมะโปรยหรือยามฝนพรำ สีของน้ำในทะเลสาบก็จะแปรเปลี่ยนไป บ้างเขียวครึ้ม ผสมน้ำเงินเข้ม บ้างฟ้าเขียวสดใส อีกทั้งสาหร่ายและพืชพรรณใต้น้ำที่สะท้อนเงาแดดต่างประชันขันแข่งกันให้สีเขียวมรกต เหลืองบุษราคัม ชมพูจนถึงแดงอ่อน ราวกับเพชรพลอยที่ส่องแสงสะท้อนบาดตา

            ยามฤดูใบไม้ผลิ แมกไม้ผลิดอกใบ ทั้งสีแดง เหลือง ม่วง ขาว ของดอกกุหลาบพันปี ต้นท้อและแพร์ป่า สีขาวของลูกแพร์ สลับกับใบอ่อนสีเขียว ที่กำลังผลิดอกออกใบสะพรั่งในฤดูกาลนี้ เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน ป่าทั้งผืนจะกลายเป็นสีเขียวไล่ระดับตั้งแต่เขียวอ่อน เขียวสดใส เขียวเจิดจ้า เขียวเข้ม สะท้อนถึงความเข้มข้นของชีวิตอันอุดมในผืนป่าแห่งนี้ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่รอบทะเลสาบจะทยอยผลัดใบเปลี่ยนสีร่วงลงสู่ทะเลสาบ สร้างสีสันให้กับโลกใต้น้ำ ยิ่งกว่าภาพวาดที่จิตรกรจะสรรค์สร้างแต่งเติม ป่าผลัดใบเป็นสีสันฉูดฉาด บ้างเป็นสีส้มเข้ม เหลืองอ่อน แดงชาด แดงเข้ม จนถึงแดงคล้ำ ใบไม้ที่ร่วงหล่น ทำให้เส้นทางสู่ขุนเขาทอดตัวกลายเป็นสีแดงฉาน ราวกับภาพวาดสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ทุกหนแห่งถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวสะอาดตา น้ำตกที่แข็งตัว เป็นเส้นสาย หยดย้อยลงมาราวกับม่านสีเงิน ส่องประกายวิบวับในแสงแดดอ่อน ผืนป่าถูกปกคลุมด้วยหมอกขาวบางเบา ดูราวกับภาพในฝัน สายธารน้ำสีเงินผนึกตัวเป็นแผ่นน้ำแข็ง ราวกับกระเบื้องเคลือบชั้นดี ที่ประดับตกแต่งด้วยเพชรพลอยสีสดใสอยู่ภายใน

             จิ่วจ้ายโกวเป็นผลงาน สร้างสรรค์ด้วยมือมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ขุนเขาเขียวขจี สายน้ำใสสะอาดไหลริน ขุนเขาโอบล้อมสายน้ำ สายน้ำพันรัดขุนเขา ขุนเขาสายน้ำสอดประสาน แมกไม้สายธารแนบชิด นับเป็นทิวทัศน์อันสดชื่นกระจ่างตา ภายใต้การจัดวางของธรรมชาติ ทุกสิ่งหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว เป็นความงามที่มนุษยชาติสุดจะได้พานพบในโลกนี้

ข้อมูล

อุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว มรดกโลกทางธรรมชาติ ปีค.ศ. 1992
ที่ตั้ง- ทางตอนเหนือของมณฑลซื่อชวน (เสฉวน)ภาคตะวันตกของจีน
อาณาเขต - พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 643 ตารางกิโลเมตร ระดับน้ำทะเล 2,000 – 4,760 เมตร
เขตเปิดให้สาธารณชนท่องเที่ยว 55 ตารางกิโลเมตร ระดับน้ำทะเล 2,000 – 3,100 เมตร
สัตว์ป่าอนุรักษ์ 2,576 ชนิด