วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

บันทึกนักเดินทาง ย่างกุ้ง พุกาม มัณฑะเลย์ อินเลย์ 5 วัน 4 คืน >> 23 – 27 AUG 2012


ย่างกุ้ง พุกาม มัณฑะเลย์ อินเลย์ 5 วัน 4 คืน >> 23 – 27 AUG 2012
เรียบเรียบและรูปภาพโดย : คุณตั้ม
วันแรกของการเดินทาง           23 สิงหาคม 2555        กรุงเทพฯ  ย่างกุ้ง                                                                                                                               
17.00  น.  คณะเดินทางพร้อมกันที่ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ N 01-04  สายการบิน Myanmar Airways  ซึ่งเป็นสายการบินนานาชาติของพม่าครับ ถึงเวลาอันสมควร

19.15 น.  ออกเดินทางสู่กรุงย่างกุ้ง สายการบิน Myanmar Airways เที่ยวบินที่  8M 332
ที่นั่งของเขาจะเป็น 3 – 3  > A - F 
20.10 น.  เดินทางถึง สนามบินมิงกาลาดง เป็นสนามบินนานาชาติ ที่สายการบินทุกสายการบินจะมาลงที่นี้ ก่อนที่จะนั่งเครื่องภายในไปยังเมืองต่างๆ ของพม่า สายการบินที่มาพม่ามีหลายสายการบินให้ท่านเลือก ไม่ว่าจะเป็น แอร์เอเชีย
การบินไทย  บางกอก แอร์เวย์ เป็นต้น
(เวลาท้องถิ่นที่เมียนมาร์ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมงครับ อย่าลืม !!ปรับเวลาของตัวเองให้ตรงกับเวลาท้องถิ่นด้วยนะครับ)

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

บันทึกนักเดินทาง ฉางซา – จางเจียเจี้ย – เมืองโบราณฟ่งหวง 6 วัน 4 คืน

บันทึกนักเดินทาง
ฉางซา – จางเจียเจี้ย – เมืองโบราณฟ่งหวง 6 วัน 4 คืน >> 30 ก.ย. – 5 ต.ค. 2555


เรียบเรียบและรูปภาพโดย : คุณตั้ม

วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เที่ยวออสเตรเลีย ดินแดนแห่งเมืองจิงโจ้

เที่ยวออสเตรเลีย ดินแดนแห่งเมืองจิงโจ้
ประเทศ ออสเตรเลีย เป็นประเทศซึ่งประกอบด้วยแผ่นดินหลักของทวีปออสเตรเลีย เกาะแทสเมเนีย และเกาะอื่นๆในมหาสมุทรอินเดีย แปซิฟิก และมหาสมุทรใต้ ประเทศเพื่อนบ้านของออสเตรเลียประกอบด้วย อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี และติมอร์ตะวันออกทางเหนือ หมู่เกาะโซโลมอน วานูอาตู และนิวแคลิโดเนียทางตะวันออกเฉียงเหนือ และนิวซีแลนด์ทางตะวันออกเฉียงใต้

ประเทศออสเตรเลียมีกรุงแคนเบอร์ร่าเป็นเมืองหลวงของประเทศออสเตรเลีย

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

บันทึกนักเดินทาง … ทริปเวียดนามเหนือ

บันทึกนักเดินทางทริปเวียดนามเหนือ


...ทริปนี้มีกำหนดการเดินทางตั้งแต่วันที่ 19 – 23 ตุลาคม 2555 นะค่ะ



ก่อนที่จะนำตะลุยทริปสุดสนุก ท่ามกลางธรรมชาติสุดสวย และบรรยากาศอันอบอุ่น



ขอแนะนำถึงประเทศเวียดนามพอสังเขปก่อนนะค่ะ...


จังหวัดอาโอโมริเป็นแบบใด

 จังหวัดอาโอโมริตั้งอยู่เหนือสุดของเกาะฮอนชู ทิศตะวันตกติดกับทะเลญี่ปุ่น ทิศตะวันออกติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก และทิศเหนือติดกับช่องแคบ Tsugaru จากการโอบล้อมทั้งสามด้านของทะเลทำให้เป็นจังหวัดที่ทำการประมงและผลิตภัณฑ์ ทางประมงเป็นจำนวนมาก อีกทั้งใจกลางของจังหวัดยังมีเทือกเขา Ou ซึ่งมีภูเขา Hakkoda ซึ่งมีแหล่งน้ำที่สำคัญทำให้เกิดทรัพยากรทางน้ำที่อุดมสมบูรณ์ในการหล่อ เลี้ยงทางการเกษตร

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

บันทึกนักเดินทาง ย่างกุ้ง หงสาวดี พระธาตุอินทร์แขวน 4วัน 3คืน 20-23 ตุลาคม 2555

ย่างกุ้ง หงสาวดี พระธาตุอินทร์แขวน 4วัน 3คืน  20-23 ตุลาคม 2555

+++เมือง ย่างกุ้ง  อดีตเมืองหลวงประเทศเมียนมาร์  ตั้งอยู่ ปากแม่น้ำย่างกุ้ง ห่างจากอ่าวเมาะตะมะ 30 กิโลเมตร  เมืองย่างกุ้งในอดีตเป็นเมืองเล็กๆที่ประชากรส่วนใหญ่มีความยากจน   เมื่อสมัยพระเจ้าอลองพญาแห่งราชวงค์อลองพญา ได้ให้ความสำคัญและสถาปณาชื่อเป็นเมืองย่างกุ้ง ปัจจุบัน เมืองย่างกุ้ง มีความเจริญและทันสมัยมากขึ้น มีทั้งนักท่องเที่ยว และนักธุรกิจ หลั่งไหลเข้ามาลงทุนและท่องเที่ยวที่เมืองย่างกุ้งเป็นจำนวนมาก  เรียกได้ว่าโรงแรมที่พักแทบจะไม่ได้มีห้องว่างเลยทีเดียว  สถานที่ท่องเที่ยวหลายๆที่ก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ มากมาย


วันแรกของการเดินทาง วันที่ 20 ตุลาคม 2555 กรุงเทพฯ  ย่างกุ้ง
+++คณะเดินทาง พร้อมกัน สนามบิน ที่ เคาน์เตอร์ N1-4 สายการบิน  Myanmar Airways International (8M)
กำหนดเวลาบิน คือ 19.25 น.  เราเดินทางสู่ กรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า ใช้เวลาอยู่บนเครื่องบิน  50 นาทีโดยประมาณ
20.10 น. ถึงกรุงย่างกุ้งแล้วค่ะ
มื้อแรก อาหารแบบไทยๆ ค่ะ ร้านอาหาร ไพลิน   อาหารไทยอร่อยๆ  สะอาด บริการดี
ห้องพักระดับ 3 ดาว  ไม่น่าเกียดนะคะ  สะอาดสดใสดีค่ะ   โรงแรม Myanmarlife hotel  โรงแรม อยู่นอกเมืองค่ะ อยู่ใกล้สนามบิน  บรรยากาศเงียบสงบดี ที่นี่ มี WIFI ให้บริการ ฟรีด้วยค่ะ  อาหารเช้า เป็นแบบบุฟเฟต์นานาชาติค่ะ แต่ก็ไม่ได้มีเมนูเยอะมากมาย เรียกว่า พอทานได้นะคะ มีข้าวต้ม ผัดผัก 2 อย่างข้าวผัด ผัดซีอิ้ว ผัดหมี่  ไข่ดาว ไข่ต้ม  ขนมปัง กาแฟ นม น้ำผลไม้

*************************************************************
วันที่สองของการเดินทาง วันที่ 21 ตุลาคม 2555 ย่างกุ้ง หงสาวดี เจดีย์ไจ้ปุ่น พระธาตุมุเตา พระราชวังบุเรงนอง วัดไจ้คะวาย พระธาตุอินทร์แขวน


+++จาก เมืองย่างกุ้ง สู่เมืองหงสาวดี  ใช้เวลา เดินทางประมาณ 1ชั่วโมงครึ่ง  หงสาวดี   อดีตเมืองของชาวมอญ  มีสัญลักษณ์เป็น รูปหงส์คู่  จากตำนานของสัญลักษณ์นี้ เล่าต่อๆกันมาว่า  เมื่อครั้งที่ พระพุทธเจ้าได้เสด็จมายังสถานที่นี้  ได้พบเห็นหงส์สองตัวกำลังว่ายน้ำเล่นกันอย่างสนุกสนาน พระพุทธองค์จึงได้ทำนายว่า ต่อไปที่นี่จะกลายเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง และปัจจุบัน เมืองหงสาวดี ก็เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากเมืองหนึ่งของประเทศพม่า และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และศิลปะ วัฒนธรรม สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศพม่า

+++หง สาวดี  ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำพะโค  ปี พ.ศ. 2082  พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้สถาปนาเป็นศูนย์กลางอำนาจของราชวงศ์ตองอู   ในรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง หงสาวดีเจริญรุ่งเรืองที่สุด  เพระองค์ทรงสร้างพระราชวังของพระองค์ที่ชื่อ กัมโพชธานี พระราชวังอันใหญ่โต มโหฬาร โดยการเกณฑ์ข้าทาสจากเมืองขึ้นต่าง ๆ มาสร้าง มีประตูทางเข้าออกถึง 10 ประตู   หลังจากที่ พระเจ้านันทบุเรง ได้ทำศึกยุทธหัตถีแล้ว เสด็จไปประทับ ณ ตองอู เพื่อเตรียมรับทัพพระนเรศวร เมืองหงสาวดี จึงถูกยะไข่ปล้นและเผาเมืองจนหมดสิ้น พระนเรศวรมาถึงหงสาวดีก็เหลือแต่เมืองที่ถูกเผา พระนเรศวรจึงยกทัพไปตีตองอู จึงเป็นจุดจบของกรุงหงสาวดี

+++เดินทางถึงเมืองหงสาวดี  นำคณะ ชม เจดีย์ไจ้ปุ่น  หรือ พระนั่งสี่ทิศ ตำนานเล่าขานสืบต่อกันว่า จากตำนานของหญิงสาว 4 พี่น้องที่อุทิศตนแก่พระพุทธศาสนา  ได้สร้างพระพุทธรูป 4องค์ขึ้นมา เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และเป็นตัวแทนแห่งการเผยแผ่ ศาสนาของทั้ง 4สาว และได้ให้คำมั่นสัญญาว่า จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบุรุษได  จนต่อมา หญิงผู้น้องคนที่4 ได้ผิดคำมั่นของตัวเอง ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับบุรุษ เลยเกิดปรากฏการณ์ฟ้าผ่า ลงมาที่ องค์พระพุทธรูป  หนึ่งในพระพุทธรูป 4องค์นี้ มี 1องค์ที่ มีใบหน้าไม่ยิ้มแย้ม ท่านได มีโอกาสไปเที่ยวชม ที่วัดนี้ ลองสังเกตดูนะคะ


+++จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ เจดีย์ชเวมอดอร์  หรือ พระธาตุมุเตา ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหงสาวดี ในเขต พระราชวังบุเรงนอง มีประวัติยาวนาน  2,500 กว่าปีมาแล้ว  และเป็น 1ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของพม่า  มีความสูงถึง 114 เมตร พระธาตุมุเตาสูงจนต้องแหงนหน้าจนเมื่อยคอ ถึงจะมองเห็นยอดพระธาตุ  และด้วยสภาพภูมิศาสตร์ ที่ร้อนมากของเมืองหงสาวดี  เวลาเงยหน้าขึ้นไปมองพระธาตุ จนจมูกจะร้อน  ในภาษามอญเรียกว่า "มุเตา"  อีกทั้ง พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้  ได้นำทัพบุกเข้าไปในเมืองมอญ เพื่อทำพิธีเจาะพระกรรณ ตามราชประเพณี  ที่พระธาตุมุเตาแห่งนี้  ด้วยความกล้าหาญของพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ พระองค์สามารถผ่าวงล้อมของออกจากกองกำลังตองอูได้อย่างปลอดภัย  หลังจากที่พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ ทรงขึ้นครองราชย์สมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์  ทรงได้ย้ายเมืองหลวงจากตองอู มาเป็น เมืองหงสาวดี  และสืบราชสมบัติ โดย พระเจ้าบุเรงนอง ขึ้นครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์องค์ถัดมา  พระเจ้าบุเรงนองเอง มีความศรัทธา ในองค์พระธาตุมุเตาเป็นอย่างมากเช่นกัน  พระเจ้าบุเรงนองได้พระราชทานอัญมณีเม็ดใหม่จากพระมงกุฎ ถวายเป็นพุทธบูชาแก่องค์พระธาตุมุเตา ก่อนที่พระเจ้าบุเร็งนองจะออกการศึกทุกครั้ง จะต้องเดินทางไปกราบนมัสการ ขอพรจากพระตุมุเตาก่อน เพื่อให้การออกศึก ได้รับชัยชนะกลับมาทุกครั้ง   พระองค์ได้ขยายอาณาเขตกำแพงเมืองไปจนถึงพระธาตุมุเตา เพื่อพระองค์จะได้มองเห็นองค์พระธาตุอย่างชัดเจน  พระธาตุมุเตาจึงถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่อยู่ในอาณาเขตของพระราชวังบุเรงนอง ในปัจจุบัน ยังคงมีหลักฐานและแผนที่ระบุที่ตั้งของพระธาตุมุเตา ในอาณาเขตของพระราชวังให้เห็นกันอยู่

+++องค์มหาเจดีย์ชเวมอดอร์(พระธาตุมุเตา) เคยพังทลายลงมาแล้วถึง 4 ครั้ง โดยแผ่นดินไหวครั้งสุดท้ายเมื่อ  พ.ศ. 2473 จึงทำให้ ยอดของเจดีย์หักพังลงมาอีกครั้ง  แต่ยอดพระธาตุที่หักลงมาก็ไม่ได้แตกกระจายออกไปไหน แต่ตกลงมาที่ฐานของพระธาตุตรงนั้นเอง ชาวหงสาวดี เชื่อว่าแรงศรัทธาที่ชาวเมืองหงสาวดีมีต่อเจดีย์ชเวมอดอร์นั่นเอง จึงทำให้ยอดพระธาตุ ไม่ได้แตกกระจายไปไหน   พวกเขาจึงได้ร่วมมือร่วมใจทำการสร้างมหาเจดีย์ชเวมอดอร์  ขึ้นมาใหม่อีกครั้งเมื่อปีพ.ศ.2497 ด้วยความสูงถึง 374 ฟุต ส่วนของยอดที่พังลงมาก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายออกจากตัวขององค์พระธาตุได้ตั้ง ไหว้ที่มุมหนึ่งขององค์เจดีย์เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชาควบคู่ไป กับเจดีย์องค์ปัจจุบัน


+++จากนั้น นำคณะสู่ พระราชวังบุเรงนอง พระราชวังที่มีความสวยงามมากอีกพระราชวังหนึ่ง  พระเจ้าบุเรงนองได้ทรงสร้างพระราชวังนี้ขึ้นมาเพื่อออกว่าราชกาลและเป็น ศูนย์กลางการปกครองประเทศ ในปี พ.ศ.2109 เดิมพระราชวังแห่งนี้  ชื่อว่า กัมโพชธานี" (Kamboza Thadi Palace) โดยใช้แรงงานจากประเทศราชต่าง ๆพระองค์โปรดให้ใช้ชื่อประตูต่าง ๆ ตามชื่อของแรงงานประเทศราชที่สร้าง เช่น ประตูทางตอนเหนือปรากฏชื่อ ประตูโยเดีย (อยุธยา) ประตูตอนใต้ชื่อ  ประตูเชียงใหม่ เป็นต้น มีทั้งหมดถึง 10 ประตูด้วยกัน  พระเจ้าบุเรงนอง ครองราชย์มาได้ถึง 15 ปี เป็นช่วงเวลาที่พระองค์เรืองอำนาจถึงขีดสุด และล่มสลายลงในปี พ.ศ.2142 ด้วยเหตุที่ ยะไข่และตองอู ได้นำทัพศึกเข้าบุกพระราชวังและเผาทำลายพระราชวังจนหมดสิ้น  แต่ด้วยความที่พระเจ้าบุเรงนองมีความโดดเด่นหลายด้านและมีบทบาทในการสร้าง เมืองหงสาวดีให้มีความรุ่งเรือง  พระราชวังแห่งนี้ จึงยังคงถูกเรียกว่าพระราชวังบุเรงนองตามชื่อของพระเจ้าบุเรงนอง

+++พระ ราชวังบุเรงนองปัจจุบันนี้ เป็นพระราชวังที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่  จากการขุดพบเสาพระราชวังและแนวกำแพงเดิม ในปี พ.ศ.2533 รัฐบาลจึงได้สร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้นมาใหม่เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์



+++ลักษณะ อันโดดเด่น ของพระราชวังบุเรงนอง คือ ความสวยงามของสีทองคำ ทั้งหลัง  ทั้งด้านในท้องพระโรงและราชบัลลังก์  ที่ออกว่าราชการ ทั้งหมดก็เป็นสีทองคำ  มีการจัดโชว์เครื่องราชบรรณาการต่างๆ  และมีได้นำเสาไม้ศักดิ์ที่ถูกค้นพบเมื่อ พ.ศ.2533 มาโชว์ไว้ในห้องโถงพระราชวังอีกด้วย




+++จากนั้น ร่วมกันถวายเพลพระ  ที่วัดไจ้คะวาย วิทยาลัยสอนพระพุทธศาสนา  เปรียญธรรมชั้นตรี โท และเอก ที่มีชื่อเสียงของพม่า   มีพระสงฆ์หลายพันรูป  การถวายเพลพระที่นี่ เป็นการถวายเพลหมู่  ส่วนมาก จะเป็นชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ที่มาร่วมถวายเพลพระกับเจ้าภาพที่มีมาไม่ขาดสายทุกวัน   การถวายเพลร่วมกับเจ้าภาพนั้น หมายถึง การที่วัดมาเจ้าภาพถวายเพลเป็นข้าวสวย อาหารไว้อยู่แล้ว  และทางวัดก็ได้จัดเตรียม ข้าวสวยไว้เป็นถังใหญ่ๆ เตรียมไว้  ผู้ที่จะร่วมทำบุญสามารถ ไปตักข้าว ที่ทางวัดเตรียมไว้ ใส่บาตรให้พระสงฆ์ ที่เดินเรียงแถวเข้ามา ฉันเพล พร้อมกัน   นอกจากที่จะร่วมถวายบุญกับเจ้าภาพแล้ว  สามารถนำอุปกรณ์การเรียนทุกประเภทไปร่วมถวาย  หรือ ร่วมกันบริจาคปัจจัยเพื่อ ซื้อข้าวสารให้ทางวัดก็ได้  อย่างคณะเรา ร่วมอนุโมทนาร่วมกัน ได้ ข้าวสารถึง 4 กระสอบ  (การบริจาค 1กระสอบ เท่ากับเงิน 20,000 จ๊าต )



+++จากนั้น นำท่านรับประทานอาหาร กลางวัน ณ  ภัตตาคาร  555   ( เมนูกุ้งแม่น้ำย่าง แสนอร่อย  ท่านละ 1ตัว ไม่ต้องแย่งกัน )



+++หลังอาหารเที่ยง เรียบร้อยแล้ว เดินทางต่อสู่  เมือง ไจ้โท ตลอดระยะทางหลายสิบกิโลเมตร เราจะได้พบเห็นวิถีชีวิตของชาวพม่า

+++เดิน ทางผ่านสะพานข้ามแม่น้ำสะโตง  ที่พอมาถึง ตรงนี้ ทุกคนก็หลับซะแล้ว เป็นหน้าที่ไกด์ ที่ต้องปลุกทุกคนมา ดู  แม่น้ำแห่งนี้มีความยาวประมาณ 420 กิโลเมตร ความกว้างประมาณ 3 กิโลเมตรในช่วง ฤดูน้ำหลาก  เป็นแม่น้ำที่ แบ่งเขตการปกครองระหว่าง เมืองบะโค และรัฐมอญ  มีประวัติศาสตร์สำคัญเกี่ยวกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  ได้ทำการยิงพระแสงปืนข้ามแม่น้ำสะโตง ได้ยิงปืนคาบศิลาจากอีกฝั่งไปอีกฝั่งถูกแม่ทัพพม่าเสียชีวิตคาคอช้าง



+++ถึง แล้วค่ะ.. จุดเปลี่ยนรถ.... เราเปลี่ยนจาก รถโค้ชปรับอากาศ  มาเป็น รถ 6 ล้อ ดูจากลักษณะรถแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่ พร้อมใจกันเรียก ว่า  “รถขนหมู” ค่ะ  จากจุดนี้ เราจะนั่งรถ 6 ล้อ ขึ้นไป ใช้เวลา ประมาณ  45 นาที  ด้วยเส้นทาง ขึ้นเขา และโค้งหักศอกเลยทีเดียว  เพื่อขึ้นสู่ คิมปุ่นแค้ม   ถึงคิมปุ่นแค้ม เรียบร้อยแล้ว  ทุกคนเตรียมตัว ขึ้นเสลี่ยงแล้วค่ะ


ลักษณะ การแบกเสลี่ยง  4คนหาม  1คนนั่ง  ระยะทาง  4 กิโลเมตร จาก คิมปุ่นแค้ม ขึ้นไปถึง ที่พัก ใกล้กับพระธาตุอินทร์แขวน   ใช้เวลานั่งอยู่บนเสลี่ยง ประมาณ 45-50 นาที 
ด้านหน้าที่พักโรงแรม Kyaitho  Hotel เดินทางถึงโรงแรมเรียบร้อยแล้ว รับกุญแจห้องพัก  เอากระเป๋าสัมภาระ เข้าไปเก็บที่ห้องพักให้เรียบร้อยก่อน  จากนั้น เราก็จะเตรียมตัว ขึ้นไป นมัสการพระธาตุอินทร์แขวนกันค่ะ

+++พระธาตุอินทร์แขวน หรือ ไจ้ก์ทิโย 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า พระธาตุประจำปีเกิด ของคนเกิดปีจอ  ตั้งอยู่ที่เมืองไจ้โถ อำเภอสะเทิม   เขตรัฐมอญ  ประเทศพม่า  บนยอดเขา เหนือระดับน้ำทะเล 3,615 ฟุต มีลักษณะของพระธาตุ เป็นก้อนหินสีทองขนาดใหญ่สูง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ เหมือนจะหล่นและท้าทายแรงดึงดูดของโลกโดยไม่ตกลงมาอย่างเหลือเชื่อ

+++เรื่อง เล่าขาน  พระธาตุอินทร์แขวนเมื่อครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้มอบ พระเกศา ให้กับ ฤาษี ตนหนึ่ง มีนามว่า ตัสสะ เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าได้มาแสดงธรรมเทศนา ที่ดินแดนสุวรรณภูมิ  เพื่อเป็นตัวแทนพระพุทธองค์  หลังจากที่ได้รับพระเกศาแล้ว ฤาษีตัสสะ ก็ได้นำพระเกศาไปซ่อนไว้ที่มวยผม จนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ฤาษีตัสสะก็แก่ชราไปและถึงเวลาที่ต้องละสังขาร ฤาษีตัสสะตั้งใจไว้ว่าจะเอาพระเกศา ไปเก็บไว้ในก้อนหินที่มีลักษณะเหมือนศีรษะของเขา   พระอินทร์เห็นความตั้งใจของเขาจึ่งช่วยเสาะหาก้อนหินที่มีลักษณะคล้ายกับ ศีรษะมาจากใต้มหาสมุทร และนำมาวางไว้ที่หน้าผาสูงเมืองไจ้โถ แห่งนี้ จนถึงปัจจุบัน ก็ยังคงมีแรงศรัทธาของผู้คนทุกสารทิศ ที่ขึ้นมากราบสักการะ  ชาวพม่าเลื่อมใสพระพุทธศาสนามาก และพระธาตุอินทร์แขวนจึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่ชาวพม่าเชื่อว่า ครั้งหนึ่งในชีวิต ต้องมากราบนมัสการพระธาตุอินทร์แขวนให้ได้ เพื่อเสริมศิริมงคลความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ชีวิต  ชาวพม่าส่วนใหญ่ ที่พบเห็น จะมานั่งสวดมนต์ขอพร กับพระธาตุ  มาทุกครั้ง ก็เห็นชาวพม่าเยอะๆทุกครั้งที่ขึ้นมา



****************************************************************************
วันที่สามของการเดิน ทาง วันที่ 22 ตุลาคม 2555 พระธาตุอินทร์แขวน – หงสาวดี –พระพุทธไสยาสชเวตาเลียว -พระนอนตาหวาน -เจดีย์ชเวดากอง

+++อาหาร เช้า ที่โรงแรม เดี่ยวนี้ ปรับปรุงแล้วค่ะ เป็นแบบ บุฟเฟ่ต์ รสชาติอาหาร ใช้ได้เลยนะคะ   หลังจากรับประทานอาหารเช้า เรียบร้อยแล้ว  เราก็กลับลง มาจากพระธาตุอินทร์แขวน  ช่วงเช้า ตอนกลับลงมา ก็เช่นเคยค่ะ  ต้องนั่งเสลี่ยงลงมาเช่นเคย  ความชุลมุน วุ่นวาย ยังคงเหมือนเดิม เพราะต่างคนต่างหา คนหามคนเดิม  กลับลงมาข้างล่างแล้ว เราก็ต้อง นั่งรถ 6 ล้อ ขนหมู ลงมาอีกเช่นเคยค่ะ



+++กลับ จากพระธาตุอินทร์แขวน  มาทางเส้นทางเดิม กลับมาทานอาการกลางวันกันที่ เมืองหงสาวดี  ณ ภัตตาคาร เจ้าสัว  ( เมนู...กุ้งแม่น้ำย่าง มื้อที่2 )  หลังอาหาร มี อีกสถานที่ ที่ยังไม่ได้เข้าชม คือ พระนอนชเวตาเลียว


+++พระ พุทธไสยาสชเวตาเลียว พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวหงสาวดีให้ความเคารพเลื่อมใส  มีความยาว 181 ฟุต สูง 50 ฟุต  ถูสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1537  โดยพระเจ้าเมงกะติบะ ในยุคที่มอญรุ่งเรือง  ทางเข้ามีร้านค้า ขายของฝากของที่ระลึก มากมายให้เลือกซื้อที่นี่ ส่วนใหญ่สินค้าที่น่าซื้อและมีคุณภาพ คือ ผ้าถุง ที่นี่เป็นผ้าถุงพื้นเมืองของพม่าแท้ๆ ราคาไม่แพง พอเลือกซื้อหาได้  แต่ก็ต้องดูดีๆเหมือนกัน..


+++จากนั้น นำคณะเดินทางกลับสู่ เมืองย่างกุ้ง   และเที่ยวชม  พระพุทธไสยาสเจ้าทัตจี  หรือ พระตาหวาน สร้างขึ้นมาใหม่เมื่อปี พ.ศ.2509 แทนพระนอนองค์เดิม ที่เก่าและชำรุดเสียหายไป  มีความยาวประมาณ 70 เมตร ลักษณะ สวยงามด้วยสีสดใส ฝ่าพระบาทมีรูป มงคล 108 ประการ ที่ลักษณะโดดเด่นที่สุด คือ ดวงตา ที่สวยงาม  ดวงตาทำจากแก้ว นำเข้าจากต่างประเทศ ขนตาที่งอนยาว จึงถูฏเรียกกัน ว่าพระตาหวานนั่นเอง






+++จากนั้น นำคณะ นมัสการ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง เจดีย์เวดากอง  มีอายุยาวนานกว่า  2,500 ปี  สร้างขึ้นในสมัย บะกัน ในช่วงที่บะกันเรืองอำนาจ   เจดีย์มีความสูงประมาณ  48 เมตร ความกว้างรอบฐานประมาณ 105 เมตร ยอดเจดีย์ มีเครื่องประดับมีค่า เพชรพลอย สร้อย แหวน เงิน ทอง มากมาย กว่า 5000 ชิ้น  บนยอดสูงสุดของเจดีย์ มีเพชรเม็ดโต น้ำหนัก 76  กะรัต  รวมน้ำหนักทองคำทั้งองค์เจดีย์ มีน้ำหนักถึง 1,100 กิโลกรัม

+++มหา เจดีย์แห่งนี้ได้รับการบูรณะหลายต่อหลายครั้ง โดยราชวงค์ของกษัตริย์ พม่า แต่ละสมัย และที่เป็นที่รู้จักและเหตุการณ์ที่น่าจดจำคือ เมื่อพระนางฉิ่นซอปู้ ทรงได้สร้างลานพระเจดีย์และสร้างกำแพงล้อมรอบสถูป พระนางฉิ่นซอปู้ ได้พระราชทานทองคำเท่าน้ำหนักของพระองค์ 40 กิโลกรัม เพื่อนำไปตีแผ่นทองหุ้มองค์เจดีย์ หลังจากนั้นก็ได้กลายเป็นธรรมเนียมสืบต่อกันมาให้กษัตริย์รุ่นต่อรุ่นทำการ เช่นเดียวกับพระนาง
ต่อมาในปี พ.ศ.2414 พระเจ้ามินดง ได้ทรงประทาน ฉัตรฝังเพชรอันใหญ่มาถวายเป็นพุทธบูชา  และมีงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ มีประชาชนมาร่วมงานร่วมแสนคน เมื่อครั้งพม่าได้พบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ หลายครั้งสร้างความเสียให้แก่ศาสนสถานสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว  แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงอีกครั้งหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2513 สร้างความเสียหายอย่างหนัก ภาครัฐจึงต้องทำโครงสร้างที่แข็งแรงเสริมยอดเจดีย์ให้คงทน  พระเจดีย์ชเวดากองได้รับการบูรณะอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา ด้วยแรงศรัทธา ของพุทธศาสนิกชนชาวพม่า  องค์พระเจดีย์ จึงมีความงดงาม สะอาดสดใสสืบเนื่องถึงทุกวันนี้

+++ลานกว้าง องค์พระมหาเจดีย์ใหญ่ ประกอบด้วยเจดีย์ใหญ่เล็กรอบทิศ  แต่ละทิศ มี ปีนักษัตร ประจำวันเกิด แต่ละปี อยู่ตามทิศแต่ละทิศ นักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชน นิยม มาทรงน้ำพระและนักษัตร ประจำวันเกิด เพื่อเสริมศิริมงคล ให้กับชีวิต
โดยรอบพระเจดีย์ แต่ละทิศ จะมีสัตว์ประจำวันเกิด แต่ละทิศ ดังนี้

วันอาทิตย์       มีสัญลักษณ์เป็น   ครุฑ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
วันจันทร์        มีสัญลักษณ์เป็น   เสือ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก
วันอังคาร       มีสัญลักษณ์เป็น   สิงห์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
วันพุธ(กลางวัน)    มีสัญลักษณ์เป็น ช้างมีงา ตั้งอยู่ทางทิศใต้
วันพุธ(กลางคืน) มีสัญลักษณ์เป็น ช้างไม่มีงา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
วันพฤหัสบดี    มีสัญลักษณ์เป็น หนูมีหาง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก
วันศุกร์        มีสัญลักษณ์เป็น  หนูไม่มีหาง(หนูตะเภา) ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ
วันเสาร์        มีสัญลักษณ์เป็น พญานาค ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

+++เจดีย์ ชเวดากอง เปิดให้พุทธศาสนิกชน  เช้าชม เวลา 04.00 น.- 21.00 น  ของทุกวัน  สำหรับนักท่องเที่ยวต้องเสียค่าเข้าชม ท่านละ 5 เหรียญ ดอลล่าห์ สหรัฐ  สามารถใช้บริการขึ้น-ลง ลิฟต์ ได้ มีเจ้าหน้าที่คอยให้ความสะดวก

****************************************************************************
วันที่สี่ของการเดินทาง  วันที่ 23 ตุลาาคม 2555              เจดีย์โบตาทาวน์   - เทพทันใจ – สิเรียม - เจดีย์เยเลพญา  - ตลาดสก็อต

+++เจดีย์โบตาทอง หรือ เจดีย์โบตาทาวน์ เจดีย์ทหาร 1000 นาย  เมื่อ 2000 ปีที่แล้ว มีนายพานิช 2 พี่น้องได้อัญเชิญพระเกศาธาตุล่องเรือมาขึ้นฝั่งตรงบริเวณนี้  พระเจ้าโอกะลาปะ กษัตริย์แห่งรัฐมอญ  ได้บัญชาให้ทหารระดับสูง  ตั้งแถวสักการะพระเกศาธาตุและได้สร้างเจดีย์โบดาทาวน์แห่งนี้ ขึ้นและได้ประดิษฐานพระเกศาธาตุไว้ที่เจดีย์โบตาทาวน์ แห่งนี้ 1 เส้น เมื่อเกิด สงครามโลกครั้งที่ 2 เจดีย์โบตาทาวน์ ได้ถูกทำลายจากฝ่าย พันธมิตรที่ทิ้งระเบิดลงมา เจดีย์ถูกทำลายลง  และได้รับการบูรณะขึ้นใหม่และสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2496  แล้วได้นำเอาพระเกศาธาตุมาบรรจุในมณฑปแก้วใส ในองค์เจดีย์ สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า  ข้างในองค์เจดีย์โบตาทาวน์ เป็นสีทองทั้งองค์ ด้านในองค์เจดีย์ สามารถเดินเข้าไปข้างในโดยรอบได้ ข้างในเป็นสีทองอร่ามทั้งองค์

+++ทาง ด้านซ้ายของเจดีย์โบดาทาวน์  จะเป็นศาลาของ นัต โบโบจี หรือที่รู้จักกันในชื่อของ เทพทันใจ  เทพประทานพร ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศพม่า  เชื่อกันว่า ขอสิ่งได จะสมปรารถนา  ส่วนใหญ่ จะนิยม ถวาย มะพร้าว และกล้วย  การขอพรส่วน
ใหญ่นิยมขอธรรมดา  โดยไม่ใช่การบน  แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เราอยากจะขอจริงๆ ก็บนได้ แต่ท่านที่สมหวังแล้ว ก็ต้องกลับมาแก้บนด้วยนะคะ บนเอาไว้ว่าอย่างไร ก็ต้องมาแก้บนอย่างนั้นค่ะ



+++เมืองสิเรียม (Thainlyin)  อีกเมืองเศรษฐกิจสำคัญของพม่า  ห่างจากกรุงย่างกุ้ง ประมาณ 25 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำย่างกุ้ง สู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ เป็นจุดบรรจบของแม่น้ำหงสาและแม่น้ำย่างกุ้ง
เจดีย์ เยเลพญา  หรือ เจดีย์กลางน้ำ  เจดีย์ที่มีอายุมากกว่า  1,000 ปี สร้างขึ้นเมื่อสมัยที่มอญเรืองอำนาจ โดยคหบดีชาวมอญ ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้สร้างเจดีย์แห่งนี้ขึ้นบนเกาะกลางน้ำแห่งนี้  และได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่า หากเกิดภัยพิบัติได ขออย่าให้มีสิ่งไดมาทำลายเจดีย์ได้ และ ต่อให้มีผู้คนเดินทางมาสักการะมากแค่ไหน ก็ไม่เคยเต็มพื้นที่ สามารถรองรับแรงศรัทธาของประชาชนได้จนถึงทุกวันนี้แล้ว ต่อให้มี พายุฝน น้ำจะท่วมเมืองสิเรียมมากแค่ไหน น้ำจะหนุนขึ้นสูงมากแค่ไหน ก็ไม่เคยท่วมถึงฐานเจดีย์เลยสกครั้ง ผู้คนที่มีโอกาสมาสักการะ เจดีย์กลางน้ำแห่งนี้ ส่วนใหญ่ จะขอพร เรื่องเกี่ยวกับการเดินทาไกล การค้าขาย



+++ตลาดสก็อต ( Scott market ) หรือ ตลาด โบกยก อองซาน ตลาดการค้าที่ใหญ่ที่สุดในพม่า  เดินทางสะดวกสบาย  สินค้าส่วนมากที่นี่ จะเป็นประเภท  เครื่องประดับ เครื่องเงิน หยก พลอย ภาพวาดศิลปะ  เสื้อผ้าทั่วไป  ผ้าซิ่น โสร่ง  ผ้าโสร่งที่นี่มีหลากหลายราคา ขึ้นอยู่กับคุณภาพ  สินค้าที่นี่ สามารถ ใช้เงินไทยซื้อได้    เปิดให้บริการเวลา 10.00 น. – 17.00 น  และปิดให้บริการทุกวันจันทร์


หลังจากที่ท่านช้อปปิ้งกันสบายใจแล้ว เราต้องเดินทางสู่สนามบิน มิงกะลาดงแล้วค่ะ  ออกเดินทางจากสนามบิน มิงกะลาดง  เวลา 16.30 น.  เรานำท่าน ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ  เวลา 18.15 น.  โดยสายการบิน Myanmar Airways International  (8M336) โดยสวัสดิภาพ


ที่มา - http://sprtour.com


ทัวร์พม่า   ทัวร์พม่า   ทัวร์พม่า   ทัวร์พม่า
ทัวร์ย่างกุ้ง   ทัวร์หงสาวดี   ทัวร์มัณฑะเลย์  ทัวร์พุกาม 
ทัวร์ย่างกุ้ง   ทัวร์หงสาวดี   ทัวร์มัณฑะเลย์  ทัวร์พุกาม 
ทัวร์เกาหลี   ทัวร์เกาหลี  ทัวร์เกาหลี