วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556

อโศการาม

    อโศการาม สถานที่ทำตติยสังคายนาของพระพุทธศาสนา หลักฐานที่แสดงถึงความเจริญของศาสนาพุทธในเมืองปัฏนาในอดีตปัจจุบัน หลักฐานที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองในฐานะเป็นเมืองศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนาของเมืองแห่งนี้ได้สูญหายไปแทบหมดสิ้น เนื่องด้วยเมืองแห่งนี้มีพัฒนาการมาโดยตลอดช่วงประวัติศาสตร์ เป็นไปได้ว่าผู้คนในยุคหลังช่วงความเจริญของพระพุทธศาสนา ได้ทำลายหรือทอดทิ้งพุทธศาสนสถานไป และถูกฝังกลบจนไม่เหลือร่องรอยให้เห็น เช่นเดียวกับ อโศการาม สถานที่นี้เคยเป็นที่ทำตติยสังคายนา อารามแห่งเดียวในพระพุทธศาสนาในเมืองปัฏนาที่ยังคงเหลือซากอยู่ ปัจุบันคงเหลือเพียงเสาหินของอาคารใหญ่ที่พระเจ้าอโศกทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็น สถานที่ทำตติยสังคายนาอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่จมอยู่ใต้ดินในสระซึ่งมีน้ำเต็มตลอดทั้งปี และโบราณสถานส่วนใหญ่ยังคงจมอยู่ใต้ดิน แต่ทางการอินเดียไม่มีความประสงค์เพื่อขุดค้นโบราณสถานแห่งนี้ เพราะจะกระทบต่อบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ในเมืองปัฏนาเมืองหลวงของรัฐพิหารใน ปัจจุบัน


ทัวร์อินเดีย   ทัวร์อินเดีย   ทัวร์อินเดีย  ทัวร์อินเดีย
ทัวร์เนปาล   ทัวร์เนปาล     ทัวร์เนปาล
ทัวร์ภูฏาน   ทัวร์ภูฏาน     ทัวร์ภูฏาน
ทัวร์ตะวันออกกลาง     ทัวร์ตะวันออกกลาง

ถนนลอมบาร์ด ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา USA


ถนนลอมบาร์ด ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา USA ทัวร์ต่างประเทศ
  ถนนลอมบาร์ด (Lombard Street) เป็นถนนที่คดเคี้ยวที่สุดในโลก สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1922 เพื่อเชื่อมถนนไฮด์(Hyde) กับถนนลีเวนเวิร์ท(Leavenworth0 โดยไต่ลงมา) ตามเนินชัน 40 องศา ซิกแซก 8 โค้งหักศอกแบบวันเวย์ขาลง ระหว่างโค้งตกแต่งต้นไม้ดอกไม้สวยงาม และมีบันไดคนเดิน 2 ข้างทาง

ถนนลอมบาร์ดนี้ เขาว่าเป็นการณืที่ยากจะลืมเลือนสำหรับนักขับรถ รถจำนวนมากจะไหลๆ ตามกันลงมา เมื่อใครเบรกหยุดสักคน รถที่ตามหลังมาก็จะชะงักกันไปหมด จนกลัวจะได้ยินเสียงวตูม หรือ โครม และกลิ่นเหม็นของผ้าเบรค ยางไหม้ และไอเสีย ที่ฟุ้งตลบ ทำให้ชาวบ้านแถวนั้นเดือดร้อน ถึงขั้นเรียกร้องให้ปิดถนน นี้เสียไม่ให้รถวิ่งอีกต่อไป เพราะนักท่องเที่ยวที่มาลองขับรถสร้างความรำคาญให้ไม่เว้นแต่ละวัน ยิ้งหน้าท่องเที่ยว ฤดูร้อน รถจะติดยาวเป็นกิโลเมตร


ทัวร์ยุโรป   ทัวร์ยุโรป 
ทัวร์อเมริกา   ทัวร์อเมริกา 
ทัวร์ออสเตรเลีย   ทัวร์ออสเตรเลีย 
ทัวร์นิวซีแลนด์   ทัวร์นิวซีแลนด์

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

ดอกไม้ประจำ 12 เดือนของญี่ปุ่น

เรื่องโดย : Sostuke www.marumura.com

สำหรับ ใครที่เป็นคนรักธรรมชาติเข้ามาทางนี้เลย.. คุณมาถูกทางแล้วครับ ผู้เขียนเองก็เป็นคนหนึ่งที่รักธรรมชาติมาก เวลาไปเที่ยวที่ไหนไม่ว่าจะต่างประเทศหรือว่าในประเทศเองก็ตาม สิ่งที่คาดหวังเอาไว้ว่าจะได้เห็นได้สัมผัส ก็คือธรรมชาตินั่นเองครับ ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา แม่น้ำ สายลม แต่ที่ขาดไม่ได้เหมือนเป็นตัวละครเอกของธรรมชาติเลยก็คือ เหล่าพืชพันธุ์ ต้นไม้และเหล่าดงดอกไม้ที่คอยประดับประดาให้โลกดูสวยสดใสอยู่ตลอดเวลานั่น เองครับ การได้ชื่นชมและอยู่ท่ามกลางต้นไม้สีเขียวและดอกไม้หลายพันธุ์หลากสีนี้ เป็นของขวัญชิ้นงามที่ผู้เขียนคิดว่าเราทุกคนควรจะให้กับตัวเองหลังจากที่ ต้องหมกมุ่นอยู่กับความเครียดในชีวิตมามากพอแล้ว วันนี้ผู้เขียนจะพาไปเยือนญี่ปุ่น ไปสัมผัสกับเหล่าพืชพันธุ์ดอกไม้ในแต่ละเดือนของประเทศญี่ปุ่นทั้งปี เผื่อว่าผู้อ่านคนไหนอยากจะไปชมของจริงกัน จะได้ไม่พลาดดอกไม้ที่ตัวเองชื่นชอบหรือสนใจกันนะครับ  

January: Pine (Matsu Tree)
เริ่ม กันที่เดือนแรกของปีเลยนะครับ เดือนนี้ตรงกับฤดูหนาวที่ญี่ปุ่น เรียกได้ว่ามีหิมะตกโปรยปรายให้ได้สัมผัสกับอากาศเย็นๆ กันอย่างแน่นอนครับ และแน่นอนครับว่าอากาศหนาวๆ แบบนี้เนี่ย ต้นไม้ที่เจริญงอกงามได้ดีก็คือต้น Pine (ตระกูลต้นสน) ซึ่งบางทีมักจะคุ้นกันในรูปแบบของ Bonsai กันด้วย ต้นไม้พันธุ์นี้ถือเป็นต้นไม้สัญลักษณ์ที่สำคัญชนิดหนึ่งของญี่ปุ่น เพราะคนญี่ปุ่นมักจะนำต้น Matsu พันธุ์แคระไปประดับประดาตกแต่งสวนกันละลานตา อย่างเอาจริงเอาจังเสียด้วย




February: Plum Blossom
เมื่อ ย่างเข้าสู่เดือนที่หนาวอีกเดือนหนึ่ง ดอกไม้ประจำเดือนนี้ที่คนญี่ปุ่นมักจะพากันไปชื่นชมในความงาม ดูเหมือนจะต้องยกธงแห่งชัยชนะให้แก่ต้น Plum (ตระกูลต้นบ้วย) ไปเลยครับ ส่วนในเรื่องของสีสันนั้น โดยหลักๆ ที่จะเห็นกันก็มักจะเป็นสีขาวกับสีชมพู




March: Cherry Blossom
เดือน ต่อมานะครับ เมื่ออากาศอุ่นลงอีกหน่อยดอกไม้พันธุ์ฝาแฝดในตระกูล Plum ก็จะเริ่มเบ่งบานตามพี่สาวของตัวเองไปตามๆ กัน ดอกไม้ที่ว่าคือ Cherry หรือดอกซากุระนั่นเองครับ ขึ้นชื่อว่าเป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศญี่ปุ่นแล้วดังนั้นความงามในแบบ ฉบับญี่ปุ่นย่อมไม่แพ้ดอกไม้ชนิดไหนๆ สำหรับความแตกต่างของสองพี่น้องคู่นี้ก็จะเป็นในส่วนของก้าน ซากุระแต่ละก้านนั้นจะมีจำนวนดอกไม้ที่มากกว่า Plum นั่นเอง ชาวญี่ปุ่นมักจะพากันออกมาทานข้าวใต้ต้นซากุระ ส่วนตัวผมเองคิดว่าเหมือนเป็นกำไรชีวิตที่ได้หยุดพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ สวยงามอย่างดอกซากุระ




April: Wisteria
เดือน ต่อมานี้เรามาเข้าสู่โซนสีม่วงกันครับ ในช่วงเดือนนี้และเดือนถัดไป จะเป็นช่วงที่เต็มไปด้วยดอกไม้ที่มีสีม่วงอร่ามตาไปทั้งเมือง ใครชอบสีม่วงก็ลองไปเที่ยวญี่ปุ่นในเดือนนี้กัน  = =’’ ดอกไม้ชนิดนี้คือ Wisteria นั่นเอง




May: Iris
ดอกไม้ ประจำเดือนนี้ก็เป็นสีม่วงต่อจากเดือนก่อนอีกเช่นกันนะครับ ดอกไอริสเป็นดอกไม้ที่หากไปชมที่ทุ่งไอริสจะมีความสวยงามกว่านำมาปลูกเองมาก แล้วชาวญี่ปุ่นเองก็มักจะเดินออกไปรับอากาศอุ่นข้างนอกพร้อมกับชมดอก Iris ที่เล่นกับแสงอาทิตย์อย่างไม่ลดละ ฤดูกาลนี้เป็นช่วงที่เหมาะกับการนั่งอ่านหนังสือในบริเวณสวน Iris หรือออกไปทำกิจกรรมข้างนอกมากเลย




June: Peony
เดือน มิถุนายนนี้อากาศค่อนข้างอุ่นและดอกไม้ที่บานสะพรั่งในเดือนนี้จะมีโทนสี ชมพูและแดง แต่ในบางสายพันธุ์ก็มีสีเหลืองสดให้ดูด้วย ดอก Peony ที่ปลูกเป็นทุ่งจะให้อารมณ์ของความสดชื่นและสวยงามดั่งอยู่ในนิยายเลยครับ ดอกไม้ชนิดนี้มีขายกันอย่างคึกคักในร้านดอกไม้ที่ญี่ปุ่น ซึ่งราคาก็มักจะแพงเป็นปกติครับ




July: Mountain Clover
ใน ช่วงเดือนที่อากาศสดใสแบบนี้ดอก Mountain Clover เป็นดอกไม้ที่เหมาะมาก นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์แห่งอากาศที่สดใส ยังเป็นสัญลักษณ์ของการออกไปเล่นนอกบ้าน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ครอบครัวไม่ควรพลาดในช่วงหน้าร้อนอีกด้วย




August:  Rising Moon (Moonrising)
ดอกไม้ ประจำเดือนสิงหาคมเป็นดอกไม้สีขาวที่มีชื่อเรียกสองชื่อครับจะเป็น Rising Moon หรือว่า Moonrising ลักษณะเหมือนพระจันทร์เต็มดวงเลยใช่หรือเปล่าครับ ดอกไม้ชนิดนี้นิยมปลูกประดับกันไว้ตามสวนและสถานที่ทำงานทั่วไป ความขาวสะอาดของดอกทำให้ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาต้องสะดุดตามองไม่มากก็น้อยเลย ทีเดียวครับ




September: chrysanthemum
เป็น ดอกไม้สีขาวอีกชนิดหนึ่งที่ดูสะอาดสดใสได้ไม่แพ้สีอื่นเลย ในเดือนกันยายนนี้หากได้ลองออกไปเที่ยวตามภูเขาหรือสวนที่ปลูกดอก Chrysanthemum (ตระกูลดอกเบญจมาศ) หากใครได้ไปญี่ปุ่นในเดือนนี้ก็ลองไปเที่ยวดูนะครับ




October: Maple
เข้า มาสู่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ต้นไม้ทั้งเมืองเตรียมผลัดใบต้อนรับฤดูหนาวกัน แล้ว!! และในเดือนนี้ที่เห็นจะโดดเด่นที่สุดคงเดากันได้ไม่ยาก แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นต้น Maple ซึ่งจะทำให้เมืองทั้งเมืองกลายเป็นสีแดงเพราะใบเมเปิลที่ร่วงหล่นลงเป็นพรม สีสดใสบนพื้น ให้อารมณ์ศิลปินมากๆ เหมาะสำหรับนั่งวาดภาพอย่างยิ่ง โดยส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าใบเมเปิ้ลสีแดงให้ความรู้สึกที่โรแมนติกที่สุด แล้ว ใบไม้ที่ค่อยๆ ร่วงหล่นกับการเดินเล่นไปเรื่อยๆ ทั่วเมือง รวมถึงได้รับประทานอาหารตามฤดูกาล ก็เป็นหนึ่งในความสุขอย่างมากเลยครับ




November: Willow
ดอก วิลโลที่ว่านี้เบ่งบานสะพรั่งในเดือนพฤศจิกายนที่ถือได้ว่าเป็นเดือนซึ่ง อากาศเริ่มหนาวแล้ว ดอกไม้สีขาวอมชมพูที่เหมาะกับฤดูกาลนี้มากนั้น มีลักษณะเป็นไม้ยืนต้น ต้นวิลโล่ออกดอกวิลโล่เป็นกระจุกๆ ดูแล้วสบายตามากเลยครับ




December: Paulownia
ปิด ท้ายกันที่ดอกไม้สีม่วงอมชมพูอีกทีในท้ายปีก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูหนาวกันอย่าง เต็มตัวนะครับ ดอก Paulownia ที่โดดเด่นในท้ายปีนี้มีความสำคัญมากเพราะเป็นสัญลักษณ์ของสำนักนายก รัฐมนตรีญี่ปุ่นเชียวนะครับ ลักษณะที่สำคัญคือจะห้อยลงมาเป็นพวง สวยงามไม่แพ้ดอกไม้พันธุ์อื่นๆ เลยใช่ไม๊ครับ :D
 

ผู้ เขียนเองรู้สึกว่าเหมือนได้ดื่มดำไปกับธรรมชาติไปเกือบครึ่งของความเป็นจริง กันเลยทีเดียว แต่หากผู้อ่านคนไหนยังไม่จุใจละก็ ลองเก็บเงินไปสัมผัสกับธรรมชาติแบบญี่ปุ่นๆ กันชนิดเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ก็น่าสนใจ ซึ่งถ้าหากเป็นไปได้ก็อยากจะอยู่ครบปี ดูดอกไม้ให้ครบทุกชนิดตั้งแต่ต้นปีจนไปถึงท้ายปีเลยใช่หรือเปล่าครับ ถือว่าเป็นการให้รางวัลกับตัวเองที่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ พักผ่อนจากงานหนักๆ แต่หากกระเป๋าแบนเงินในคลังไม่อำนวยแล้วละก็ เลือกไปแค่เดือนเดียวในหนึ่งปีก็ถือว่าสุดคุ้มแล้วละครับ สำหรับผมนั้นขอนั่งดูในอินเตอร์เน็ตไปพลางๆ ก่อนก็แล้วกัน เมื่อไหร่ที่กระเป๋าตังค์พองโตหนาตึ๊บขึ้นมาวันไหน พร้อมจะลุยสักเดือนหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างแน่นอนครับ !!!

ทัวร์เกาหลี   ทัวร์เกาหลี  ทัวร์เกาหลี
ทัวร์ญี่ปุ่น   ทัวร์ญี่ปุ่น  ทัวร์ญี่ปุ่น
ทัวร์ลาว  ทัวร์ลาว
ทัวร์กัมพูชา  ทัวร์กัมพูชา

วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556

หมี่กะทิ

ส่วนผสม หมี่กะทิ(Stir fried noodle with coconut milk)

เส้นก๋วยเตี๋ยว 1 แพ็ค
เต้าเจี้ยว 2 ช้อนชา
พริกแกง 1 ช้อนโต้ะ
กะทิ 2 ถ้วยตวง
หมูสับ 4 ช้อนโต้ะ
หัวปลีหั่นพอคำ
ถั่วงอก 10 ช้อนโต้ะ
มะนาวฝานเป็นชิ้น
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนโต้ะ
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ถั่วลิสงทอด 2 ช้อนโต้ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต้ะ

วิธีการทำ หมี่กะทิ(Stir fried noodle with coconut milk)

1.  เตรียมเส้นหมี่ โดยลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว และพักให้สะเด็ดน้ำ และผสมกับน้ำมันพืชให้เส้นไม่ติดกัน
2. ตั้งกระทะให้ร้อนนำหมูสับลงไปผัดให้สุก จากนั้นใส่พริกแกงลงไปผัดให้สุก เติมกะทิลงไป
3. ต้มจนกะทิแตกมัน ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาล เต้าเจี๊ยว ถั่วลิสงและใส่ไข่ไก่ผสมให้เข้ากัน
4.  เสริฟหมี่กะทิ โดย นำเส้นหมี่ใส่จาน โรยหน้าด้วยหวัปลีและถั่วงอก จากนั้นใส่น้ำหมี่กะทิที่เตรียมไว้ เติมมะนาวหากชอบรสเปรี่ยว
ทัวร์บาหลี   ทัวร์บาหลี   ทัวร์บาหลี  ทัวร์บาหลี
ทัวร์เวียดนาม   ทัวร์เวียดนาม   ทัวร์เวียดนาม  ทัวร์เวียดนาม
ทัวร์มาเลเซีย   ทัวร์มาเลเซีย   ทัวร์มาเลเซีย  ทัวร์มาเลเซีย
ทัวร์สิงคโปร์   ทัวร์ทัวร์สิงคโปร์   ทัวร์สิงคโปร์  ทัวร์สิงคโปร์

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556

SHABU SHABU (ชาบูชาบู)

ShabuShabu
SHABU SHABU (ชาบูชาบู) เป็น อาหารเกาหลีแบบดั่งเดิม ที่มีมาช้านาน เมนูหม้อไฟร้อนๆ นี้ หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับชาบูไต้หวัน หรือญี่ปุ่น ที่เปิดมากมายในเมืองไทย แต่ของเกาหลีจะมีรสชาติที่ต่างกันเล็กน้อย จะเป็นการนำผักหลากหลายชนิด เห็ดต่างๆ โอเด้ง เบคอนหมูรวมกันไว้ในหม้อ และจะเติมด้วยน้ำซุปร้อนๆ สูตรเฉพาะของแต่ละร้าน แล้วต้มจนเดือด ก่อนจะเริ่มรับประทาน ก็จะนำอุด้งลงต้มอีกครั้ง จะทานพร้อมกับข้าวสวย หรือทานเป็นอุด้งก็ได้ เมนูชาบูชาบู ถือได้ว่าเป็นรายการอาหารที่ขาดไม่ได้ในโปรแกรมทัวร์เกาหลี เพราะรสชาติของน้ำซุป ผักต่างๆในหม้อ ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของหลายท่าน และถ้าท่านใดทานรสจัดหน่อย ก็สามารถขอน้ำจิ่มเกาหลี หรือน้ำจิ่มสุกี้ เติมเพิ่มรสชาติได้

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

ไก่นึ่งเต้าเจี้ยวเห็ดหอม

เครื่องปรุง
สะโพกไก่ 4 ชิ้น
ขิงสด 1 แง่ง
เต้าเจี้ยว 2 ช้อนโต๊ะ
เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 1 ช้อนชา
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
เห็ดหอมแห้ง 3 ดอก
พริกสด 2 เม็ด
ผักชี 1 ต้น
วิธีทำ
1. นำเห็ดหอมไปแช่น้ำจนนิ่ม บีบน้ำออกแล้วสไลด์เป็นชิ้นๆ จากนั้น นำขิงมาซอยเป็นเส้น พักไว้
2. นำเครื่องปรุงทั้งหมดมาใส่ในชามผสมและคนให้เข้ากันดี
3. นำสะโพกไก่ไปล้างให้สะอาด จากนั้นนำมาวางบนจาน ราดเครื่องปรุงที่ผสมไว้ลงไปครึ่งส่วน หมักทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง
4. เมื่อหมักเรียบร้อยแล้วก็นำเห็ดหอมและขิงซอยที่เตรียมไว้วางลงไปบนไก่ ราดเครื่องปรุงที่เหลือลงไปจนหมด
5. นำพริกสดไปล้างให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วนำมาหั่นเฉียงๆ จากนั้นจึงนำไปวางบนจานไก่ที่เตรียมไว้ และนำไปนึ่ง
6. นึ่งประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมง หรือจนกระทั่งไก่สุก
7. นำผักชีไปล้างให้สะอาด เด็ดเป็นใบๆ แล้วโรยลงบนจานไก่ จากนั้นก็ปิดไฟและยกลงได้
8. ตักไก่นึ่งเต้าเจี้ยวเห็ดหอมใส่จาน จากนั้นก็ยกเสริฟได้เลยค่ะ



วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2556

ข้าวต้มสมุนไพร 7 ชนิด อาหารมงคลเพื่อสุขภาพของคนญี่ปุ่น

เมื่อเข้าวันที่ 7 หลังเทศกาลปีใหม่ของทุกปี คนญี่ปุ่นเค้ามีประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนานตั้งแต่ยุคเฮอัน นั่นก็คือการทานข้าวต้มสมุนไพร 7 ชนิด ซึ่งเรียกว่า Nanakusa Gayu (七草がゆ) เค้าเชื่อกันว่าเมื่อได้ทานเมนูนี้แล้วจะช่วยป้องกันรักษาโรคหวัด และโรคอื่นๆ ได้อีกด้วย และยังช่วยปรับสภาพกระเพาะอาหารหลังจากที่สังสรรค์กันเป็นเวลาหลายวันในช่วง ปีใหม่ที่ผ่านมาได้ดีอีกด้วย




สมุนไพร 7 ชนิดที่ว่าไม่ใช่ว่าจะกำหนดขึ้นมาเองได้นะคะ ต้องเป็นพืชผลสมุนไพรในช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น เรียกว่า Haru no Nanakusa (春の七草) มาดูกันว่าทั้ง 7 ชนิดนั้นมีอะไรกันบ้าง

Seri (せり) เป็นพืชสมุนไพรที่มีธาตุเหล็กสูงช่วยบำรุงระบบไหลเวียนของเลือดได้ดี
Nazuna (なずな) เป็นพืชสมุนไพรที่มีมีลักษณะเป็นดอกหญ้า เป็นสมุนไพรธาตุเย็น ขับความร้อนในร่างกายและช่วยขับปัสสาวะได้ดีอีกด้วย
Gogyou (ごぎょう) เป็นพืชสมุนไพรที่ช่วยลดอาการไอแก้อาการมีเสมหะได้ดี และยังช่วยในเรื่องการขับของเสียออกทางขับปัสสาวะได้ดีอีกด้วย
Hakobera (はこべら) เป็นพืชสมุนไพรที่อุดมไปด้วยโปรตีนและสารอาหารแร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย
Hotokenoza (ほとけのざ) เป็นพืชสมุนไพรที่ช่วยปรับสภาพบำรุงร่างกายทั่วๆ ไป
Suzuna (すずな) เป็นพืชสมุนไพรที่ช่วยในระบบการย่อยอาหารได้ดี ช่วยละลายเสมหะ ขยายหลอดลมหลอดเลือด เป็นพืชที่ควรอยู่ในเมนูของผู้ป่วยโรคหวัด แก้พิษไข้ได้ด้วย
Suzushiro (すずしろ) เป็นพืชสมุนไพรที่ช่วยในระบบการย่อยอาหารได้ดี ช่วยละลายเสมหะ ขยายหลอดลมหลอดเลือด เป็นพืชที่ควรอยู่ในเมนูของผู้ป่วยโรคหวัด แก้พิษไข้ได้ด้วย ทั้งสองชนิดสุดท้ายที่มีสรพพคุณเหมือนกับหัวไชเท้าบ้านเรานั่นแหละ


แต่ หลายคนคงสงสัยว่า แล้วจะหาพืชสมุนไพรในฤดูใบไม้ผลิทั้ง 7 ชนิดได้ยังไง นี่มันฤดูหนาวนะ จริงๆ เค้าก็มีขายทุกฤดูนั่นแหละเพียงแต่พืชทั้ง 7 ชนิดนี้จะเติบโตได้ดีในฤดูใบไม้ผลินั่นเอง แล้วไม่ต้องกลัวว่าจะหาไม่ครบเพราะขึ้นชื่อว่าญี่ปุ่นความสะดวกสบายไม่แพ้ ชาติใดในโลกแน่นอนหาซื้อเป็นแพ็คตามซูปเปอร์มาเกตได้สบายๆ เลย

ใน บางพื้นที่เค้าก็มีทำเป็นหม้อใหญ่ๆ แล้วแจกจ่ายให้ทุกคนในพื้นที่ได้ทานอีกด้วยนะ ถือเป็นเมนูเด็ดในวันนั้นเลยล่ะ แม้ว่าจะมีแค่ข้าวต้มกับสมุนไพรยังไงก็ถือว่าเป็นสิ่งมงคลอย่างหนึ่งด้วย เช่นกัน คนเขียนก็อยากจะลองกินซักครั้งบ้างเหมือนกันนะเนี่ย




แล้ว ทำไมต้องวันที่ 7 นั่นสิเนอะ อาจจะเพราะว่า เลข 7 เป็น Lucky Number ของญี่ปุ่นเค้าก็ได้นะ สังเกตจาก การเล่นปาจิงโกะ ถ้าได้ 777 เรียงกันแล้วมีเฮแน่นอน ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก แถมยังมี 7 เทพเจ้าแห่งความโชคลาภ Shichi-Fukujin อีก และคนญี่ปุ่นนับ 7 วันแรกก็คือสัปดาห์แรกของปีเป็นช่วงการฉลองปีใหม่อีกนเรียกว่า Matsu no uchi เพราะฉะนั้นก็ถือว่าเลข 7 นั้นเป็นเลขมงคลเลขหนึ่งของญี่ปุ่นก็แล้วกัน หลังจากอ่านจบเราก็ไปหาข้าวต้มกินกันดีกว่าเนอะเพื่อนๆ ชาวมารุมุระ ^3^/



ทัวร์จีน   ทัวร์จีน   ทัวร์จีน  ทัวร์จีน
ทัวร์ฮ่องกง   ทัวร์ฮ่องกง   ทัวร์ฮ่องกง   ทัวร์ฮ่องกง  
ทัวร์ญี่ปุ่น   ทัวร์ญี่ปุ่น  ทัวร์ญี่ปุ่น
ทัวร์เกาหลี   ทัวร์เกาหลี  ทัวร์เกาหลี
ทัวร์คุนหมิง   ทัวร์ปักกิ่ง   ทัวร์เซี่ยงไฮ้   ทัวร์จางเจียเจี้ย   ทัวร์เจิ้งโจว   ทัวร์กุ้ยหลิน   ทัวร์ฉางซา   ทัวร์ไต้หวัน
ทัวร์คุนหมิง   ทัวร์ปักกิ่ง   ทัวร์เซี่ยงไฮ้   ทัวร์จางเจียเจี้ย   ทัวร์เจิ้งโจว   ทัวร์กุ้ยหลิน   ทัวร์ฉางซา   ทัวร์ไต้หวัน

วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2556

Monastery of the cave


สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1051 ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว้างขวางถึง 75 เอเคอร์ ประกอบไปด้วยโบสถ์ หอระฆัง (BELL TOWER) ในสถาปัตยกรรมยูเครนเนี่ยน สูง 76 เมตร สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 ชั้นใต้ดินเป็นที่เก็บมัมมี่ของนักบุญชื่อดังประจำเมืองกว่า 100 รูป และยังมีโบสถ์บริเวณเชิงเขาอีก 6 หลัง ซึ่งปัจจุบันได้รับการอนุรักษ์จากองค์กร UNESCO ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
 
 
.


   
ทัวร์พม่า   ทัวร์พม่า   ทัวร์พม่า   ทัวร์พม่า
ทัวร์ย่างกุ้ง   ทัวร์หงสาวดี   ทัวร์มัณฑะเลย์  ทัวร์พุกาม 
ทัวร์ย่างกุ้ง   ทัวร์หงสาวดี   ทัวร์มัณฑะเลย์  ทัวร์พุกาม 
ทัวร์ญี่ปุ่น   ทัวร์ญี่ปุ่น  ทัวร์ญี่ปุ่น
ทัวร์บาหลี   ทัวร์บาหลี   ทัวร์บาหลี  ทัวร์บาหลี
ทัวร์เวียดนาม   ทัวร์เวียดนาม   ทัวร์เวียดนาม  ทัวร์เวียดนาม
ทัวร์มาเลเซีย   ทัวร์มาเลเซีย   ทัวร์มาเลเซีย  ทัวร์มาเลเซีย
ทัวร์สิงคโปร์   ทัวร์ทัวร์สิงคโปร์   ทัวร์สิงคโปร์  ทัวร์สิงคโปร์
ทัวร์ยุโรป   ทัวร์ยุโรป