ย่างกุ้ง – สิเรียม – หงสาวดี – พระธาตุอินทร์แขวน 4 วัน 3 คืน
31 ธันวาคม 2555 – 3 มกราคม 2556
31 ธันวาคม 2555 – 3 มกราคม 2556
+++ ประเทศพม่า หรือที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ประเทศที่ยังอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ความสวยงามของวัฒธรรม และศรัทธาอันแรงกล้าในพระพุทธศาสนา ในครั้งนี้เราจะไปเที่ยวและทำบุญต้อนรับปีใหม่กันที่ย่างกุ้ง สิเรียม หงสาวดี พระธาตุอินทร์แขวนกันค่ะ
วันแรกของการเดินทาง วันที่ 31 ธันวามคม 2555 กรุงเทพฯ – ย่างกุ้ง – สิเรียม – เจดีย์เยเลพญา
+++ขณะนี้เป็นเวลาตี 4 ครึ่งค่ะ คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์ N1-4 สายการบิน Myanmar Airways ออกเดินทางสู่กรุงย่างกุ้งด้วยเที่ยวบิน 8M 366 เวลา 06.40-07.25 น. ใช้เวลาบินประมาณ 50 นาที ที่นั่งบนเครื่องจะเป็นแบบ 3-3 ค่ะ
อาหารบนเครื่องจะเป็นขนม ผลไม้ และเครื่องดื่มค่ะ
+++07.25 น. เดินทางถึงสนามบินย่างกุ้ง ประเทศพม่าค่ะ หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง เราเดินทางไปยังเมืองสิเรียม เพื่อไปนมัสการพระเจดีย์เยเลพญากันค่ะ
รถที่เราใช้ตลอดการเดินทางครั้งนี้ มีที่นั่งทั้งหมด 45 ที่นั่ง สะดวกสบายมากค่ะ
+++เมืองสิเรียมหรือชื่อเดิม คือ เมืองตันลยิน (Thanlyin) ตั้งอยู่ห่างจากย่างกุ้งประมาณ 25 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที โดยเมืองสิเรียมเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวทีมีชื่อเสียงของเขตย่างกุ้ง ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำ อิระวดี มีสภาพพื้นที่เป็นดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ จึงมีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญในการผลิตอาหารส่งสู่กรุงย่างกุ้ง ทำให้เป็นที่หมายปองของชาวต่างชาติในยุคล่าอาณานิคม เมืองสิเรียมจึงตกอยู่ในอำนาจของพม่าบ้าง มอญบ้าง ไทยบ้าง จนกระทั่ง พ.ศ. 2428 พม่าตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ อังกฤษจึงได้พัฒนาเมืองสิเรียมเป็นเมืองอุตสาหกรรมและแหล่งปลูกข้าวจนถึง ปัจจุบัน
นั่ง รถผ่านสะพานข้ามแม่น้ำอิระวดีเพื่อไปยังเมืองสิเรียม สะพานนี้มีความยาวถึง 2 กิโลเมตรเลยค่ะ โดยที่ตรงกลางสะพานจะเป็นรางรถไฟค่ะ
+++เจดีย์เยเลพญาหรือเจดีย์กลางน้ำ ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ กลางน้ำ การเดินทางไปจะต้องลงเรือข้ามฝากไปค่ะ ตามตำนานเล่าว่าเจดีย์นี้สร้างขึ้นเมื่อราวพันกว่าปีก่อน คหบดีชาวมอญเป็นผู้สร้างเจดีย์แห่งนี้ โดยคหบดีได้ตั้งจิตอธิฐานไว้ 3 ข้อ คือ
- ถ้าน้ำท่วมก็ขออย่าให้ท่วมถึงองค์เจดีย์
- ถ้ามีผู้มากราบไหว้บูชาเป็นจำนวนมากเพียงใด ขอให้มีพื้นที่ไม่มีวันเต็ม รองรับผู้คนจำนวนมากเท่าใดได้ตลอดเวลา
- เมื่อมาอธิฐานขออะไรที่สมเหตุสมผล ก็ขอให้สมความปราถนาทุกคน
เรือข้ามฝากที่จะพาเราไปนมัสการเจดีย์เยเลพญาค่ะ
+++เมื่อขึ้นมาถึงเจดีย์เยเลพญาจะ พบเจดีย์สีทองสวยงาม ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องทองคำ มีพระนามว่าพระงาซัด สามารถเวียนเทียนรอบเจดีย์ได้ค่ะ นอกจากนี้ยังมีพระอุปคุตให้กราบไหว้ขอพร ซึ่งเชื่อกันว่าจะทำให้การทำธุรกิจ การค้า เจริญก้าวหน้าสมดังใจหวัง อีกกิจกรรมหนึ่งที่สามารถทำได้หากมาท่องเที่ยวชมเจดีย์เยเลพญา คือ การให้อาหารเลี้ยงปลาดุก ซึ่งตัวขนาดใหญ่มากและมีนับพันๆตัว ที่บริเวณท่าเทียบเรือบนเกาะค่ะ
+++จากนั้นนำท่านเดินทางไปชม พระพุทธไสยาสน์เจาทัตจี หรือที่คนไทยรู้จักกันในนามพระตาหวานนั่นเองค่ะ เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ มีความยาวประมาณ 70เมตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2509 แทนองค์เดิมที่ชำรุดเสียหาย พระตาหวานเป็นพระนอนที่ใหญ่และงดงามที่สุดของพม่าท่านมีพระพักต์และขนตาที่ สวยงาม ดวงตาเป็นแก้วซึ่งสั่งผลิตมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะพระจีวรที่มีความพริ้วไหวสมจริง บริเวณพระบาทจะมีภาพวาดเป็นมิ่งมงคลสูงสุด ใจกลางฝ่าพระบาทประกอบด้วยลายธรรมจักรข้างละองค์ ล้อมรอบด้วยมงคล 108 ประการ
+++นำท่านเดินทางต่อไปยังวัดบารมี พิพิธภัณธ์พระธาตุที่ใหญ่ที่สุดในพม่าค่ะ ภายในจะจัดแสดงพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าและพระธาตุของพระอรหันต์หลายๆองค์ ค่ะ ในครั้งนี้ท่านเจ้าอาวาสได้กรุณานำพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้ามาให้ได้ชมและ กราบนมัสการอย่างใกล้ชิด ซึ่งพระเกศาธาตุนี้มีความอัศจรรย์ทรงขยับพระองค์ได้ค่ะ
ภายในวัดมีพระธาตุต่างๆจัดแสดงอยู่มากมายค่ะ
ท่านเจ้าอาวาสกรุณานำพระเกศาธาตุมาให้ชมอย่างใกล้ชิด
+++คืนนี้เราพักกันที่โรงแรม Hotel Yangon กันค่ะ เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว แต่สะดวกสบายมากเลยทีเดียว ห้องพักกว้างขวาง สะอาด อุปกรณเครื่องใช้ครบครัน
****************************************************************************
วัน ที่สองของการเดินทาง วันที่ 1 มกราคม 2556 ย่างกุ้ง-หงสาวดี-เจดีย์ไจ้ปุ่น-พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว- วังบุเรงนอง – พระธาตุอินทร์แขวน
+++สวัสดี ปีใหม่ค่ะ ต้อนรับปีใหม่กับเช้าที่สดใส เชิญทุกท่านรับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม อาหารเช้าที่นี่จะเป็นแบบบุฟเฟต์มีอาหารให้เลือกทานมากมายเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอาหารแบบพม่า ขนมปัง ไส้กรอก ไข่คนแบบฝรั่ง หรือข้าวต้มก็มีพร้อมเสิร์ฟค่ะ
+++ในวันนี้เราจะเดินทางไปยังเมืองหงสาวดีกันค่ะ หงสาวดีหรือพะโค หากอ่านออกเสียงตามสำเนียงพม่าจะออกเสียงว่า “หานตาวดี” ตั้งอยู่ใกล้เมืองเมาะตะมะ ทางตอนใต้ของประเทศพม่า ห่างจากเมืองย่างกุ้งประมาณ 84 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ ในอดีตหงสาวดีเคยเป็นเมืองหลวงของชาวมอญมาก่อน ต่อมาพระเจ้าตะเบงชเวตี้ยึดครองได้และสถาปนาเป็นศูนย์กลางอำนาจของราชวงศ์ ตองอู หงสาวดีเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดในรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง เนื่องจากพระองค์ได้ทรงสร้างพระราชวังของพระองค์ชื่อ กัมโพชธานี อยู่ที่เมืองหงสาวดี จนถึงสมัยพระเจ้านันทบุเรงที่เสด็จหนีพระนเรศวรไปยังเมืองตองอู ทิ้งเมืองหงสาวดีให้ ยะไข่ปล้นและเผาเมือง เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นจุดจบของเมืองหงสาวดี
+++ในวันนี้เราจะเดินทางไปยังเมืองหงสาวดีกันค่ะ หงสาวดีหรือพะโค หากอ่านออกเสียงตามสำเนียงพม่าจะออกเสียงว่า “หานตาวดี” ตั้งอยู่ใกล้เมืองเมาะตะมะ ทางตอนใต้ของประเทศพม่า ห่างจากเมืองย่างกุ้งประมาณ 84 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ ในอดีตหงสาวดีเคยเป็นเมืองหลวงของชาวมอญมาก่อน ต่อมาพระเจ้าตะเบงชเวตี้ยึดครองได้และสถาปนาเป็นศูนย์กลางอำนาจของราชวงศ์ ตองอู หงสาวดีเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดในรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง เนื่องจากพระองค์ได้ทรงสร้างพระราชวังของพระองค์ชื่อ กัมโพชธานี อยู่ที่เมืองหงสาวดี จนถึงสมัยพระเจ้านันทบุเรงที่เสด็จหนีพระนเรศวรไปยังเมืองตองอู ทิ้งเมืองหงสาวดีให้ ยะไข่ปล้นและเผาเมือง เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นจุดจบของเมืองหงสาวดี
+++สัญลักษณ์ ของเมืองหงสาวดีเป็นรูปหงส์คู่ โดยตัวผู้อยู่ข้างล่างและตัวเมียอยู่ข้างบน มีตำนานเล่าว่าเมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาถึงดินแดนแห่งนี้ซึ่งสมัย ก่อนยังคงเป็นชายหาดริมทะเล พระพุทธเจ้าทรงเห็นหงส์สองตัวว่ายน้ำเล่นกัน จึงทำนายว่าในภายหน้าเมืองนี้จะกลายเป็นมหานครที่เจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับหงส์ทองสองตัวเพิ่มขึ้น โดยเล่าว่าหงส์ตัวผู้บินมาเกาะอยู่เหนือพื้นดินผืนเล็กๆกลางทะเล ผินดินแห่งนี้เล็กเสียจนหงส์ตัวเมียไม่มีที่เกาะ จึงต้องมาเกาะอยู่บนหลังของหงส์ตัวผู้
ระหว่างเดินทางไปเมืองหงสาวดี จะเห็นวิถีชีวิตในยามเช้าของชาวพม่า ผู้คนนิยมใส่บาตรพระในตอนเช้าก่อนไปทำงาน
+++สถานที่แรกที่เราจะไปกันในวันนี้ คือ เจดีย์ไจ๊ปุ่นค่ะ ไจ๊ แปลว่า พระหรือเจดีย์ ส่วนคำว่า ปุ่น แปลว่า สี่ เจดีย์ไจ๊ปุ่นเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์นั่งหันไปยัง 4 ทิศ มีอายุกว่า 500 ปี มีตำนานเล่าว่าเจดีย์ไจ๊ปุ่นสร้างขึ้นโดยสี่สาวพี่น้องที่อุทิศตนแด่พระพุทธ ศาสนาจึงได้สร้างพระพุทธรูปแทนตนเอง และได้สาบานไว้ว่าจะไม่ข้องแวะกับบุรุษใด แต่ในที่สุดน้องสาวคนสุดท้องกลับพบรักกับชายหนุ่มและแต่งงานกัน จึงเกิดอาเพสฟ้าผ่าพระพุทธรูปที่แทนตัวของน้องสาวคนสุดท้องพังทลายลงมาจน ต้องมีการสร้างขึ้นมาใหม่ พระพุทธรูปองค์นี้จึงมีลักษณะแตกต่างจากองค์อื่น ส่วนจะเป็นองค์ไหนและแตกต่างจากองค์อื่นอย่างไรนั้น ต้องไปเที่ยวกับ Spirit of the World นะคะ
บริเวณหน้าวัดจะมีร้านขายของฝาก ของพื้นเมืองให้เลือกซื้อกันตามอัธยาศัยค่ะ
ร้านนี้สาธิตการใช้ทานาคากันแบบสดๆเลยค่ะ
+++ เมื่อ เดินมายังบริเวณด้านหลังองค์พระจะมีภาพวาดตำนานการสร้างพระพุทธไสยาสน์ชเวตา เลียวอยู่ค่ะ โดยตำนานกล่าวไว้ว่า มีพระราชาองค์หนึ่งที่ไม่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทรงลุ่มหลงบูชายักษ์ตนหนึ่งขนาดปั้นรูปไหว้กราบไหว้ วันหนึ่งขณะที่พระราชาและพระโอรสเด็จไปประพาสป่าพร้อมกัน พระโอรสได้ไปพบสาวชาวบ้านกำลังอาบน้ำอยู่ในลำธารก็เกิดความหลงรักจึงพาหญิง สาวกลับเข้าวัง หญิงสาวอันเชิญพระพุทธรูปไปบูชาในวังด้วย ไม่กราบไหว้บูชารูปปั้นยักษ์ดังเช่นพระราชา ทำให้พระราชากริ้วมากถึงขั้นสั่งให้ทหารจับพระโอรสและคนรักมัดรวมกันเพื่อจะ ประหาร แต่ชาวบ้านได้ตั้งจิตอธิฐานว่าถ้าพระพุทธเจ้ามีจริงขอให้นางแคล้วคลาด ปรากฎว่าเชือกขาดโดยพลันและรูปปั้นยักษ์แตกกระจาย พระราชาจึงหันกลับมานับถือพระพุทธศาสนาและขอไถ่บาปด้วยการสร้างพระพุทธ ไสยาสน์เป็นเครื่องเตือนสติและถือเป็นอนุสรณ์แห่งความรักของหนุ่มสาวทั้งสอง
+++ บริเวณ หน้าวัดพระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียวมีของที่ระลึกราคาถูกให้เลือกซื้อมากมายค่ะ ทั้งไม้แกะสลัก ของตกแต่งบ้าน ผ้าพื้นเมือง หยกค่ะ
+++ จากนั้นเดินทางไปพระราชวังบุเรงนอง หรือ พระราชวังกัมโพชธานี ซึ่งพระราชวังบุเรงนองนี้เป็นพระราชวังที่สร้างจำลองขึ้นมาค่ะ เพราะพระราชวังเดิมได้ถูกเผาเมื่อสิ้นสมัยพระเจ้านันทบุเรง (พระโอรสของบุเรงนอง) พระราชวังบุเรงนองเดิมนั้นสร้างในปี พ.ศ.2109 เป็นช่วงเวลาที่พระเจ้าบุเรงนองเรืองอำนาจสูงสุด พระราชวังบุเรงนองสร้างขึ้นโดยใช้แรงงานจากประเทศราชต่าง ๆ พระองค์จึงโปรดให้ใช้ชื่อประตูต่าง ๆ ทั้ง 10 ประตู ตามชื่อของแรงงานประเทศราชที่สร้าง เช่น ประตูทางตอนเหนือปรากฏชื่อ ประตูโยเดีย (อยุธยา) ประตูตอนใต้ชื่อ ประตูเชียงใหม่ จนในปี พ.ศ. 2533 รัฐบาลพม่าได้ขุดค้นพบซากของพระราชวังที่เหลือเพียงแค่ตอไม้ที่โผล่พ้นดิน ออกมาเท่านั้น และได้มีการเร่งสร้างพระราชวังจำลององค์ใหม่ขึ้นมา
+++ ภาย ในพระราชวังบุเรงนองจัดแสดงเสาไม้สักที่ขุดค้นพบซึ่งไม้แต่ละท่อนจะมีตัว อักษรจารึกอยู่ว่ามาจากเมืองใด นอกจากนี้ยังจัดแสดงเครื่องใช้ส่วนพระองค์ของพระเจ้าบุเรงนองจำลอง ราชรถจำลอง เป็นต้น
จากนั้นนำท่านรับประทานอาหารอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 555 มีเมนูพิเศษเป็นกุ้งแม่น้ำย่างค่ะ
+++หลัง รับประทานอาหารกลางวัน เราจะเดินทางทางไปนมัสการพระธาตุอินทร์แขวนกันที่เมืองไจ้โทค่ะ ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ระหว่างทางจะผ่านสะพานข้ามแม่น้ำสะโตง หลายท่านที่เคยชมภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชคงคุ้นกับชื่อแม่ น้ำสะโตง แม่น้ำสะโตงมีความสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย เมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จหลบหนีกองทัพพม่า พระองค์ได้หลบหนีข้ามแม่น้ำสะโตงมา และได้แสดงวีรกรรมยิงพระแสงปืนข้ามจากอีกฝั่งของแม่น้ำถูกแม่ทัพของพม่าเสีย ชีวิตคาคอช้าง
+++มา ถึงจุดเปลี่ยนรถแล้วค่ะ เนื่องจากพระธาตุอินทร์แขวนตั้งอยู่บนเขาการเดินทางขึ้นไปจะต้องนั่งรถ บรรทุก 6 ล้อแล้วไปขึ้นเสลี่ยงต่อค่ะ จากจุดนี้เราจะเปลี่ยนรถจากรถโค้ชปรับอากาศเป็นรถบรรทุกกัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ระหว่างทางขึ้นเขามีทั้งทางที่ลาดชัน โค้งหักศอก แต่ก็มีวิวสวยๆของป่าเขา น้ำตก ให้ได้ชมกันตลอดทางค่ะ
+++หลัง จากนั่งรถ 6 ล้อกันแล้ว เราต้องมาขึ้นเสลี่ยงกันต่อค่ะ เนื่องจากทางรัฐบาลพม่าไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติขึ้นรถ 6 ล้อไปถึงบนพระธาตุอินทร์แขวนด้วย เหตุผลด้านความปลอดภัย จะมีแต่ชาวพม่าเท่านั้นค่ะที่จะมีสิทธิ์ได้นั่งรถ 6 ล้อขึ้นไปจนถึงบนพระธาตุอินทร์แขวน โดยเสลี่ยงที่เราจะนั่งนั้นเป็นการนำเก้าอี้ผ้าใบมาผูกกับไม้ไผ่ ใช้คนหามทั้งหมด 4 คนค่ะ คนที่มาหามเสลี่ยงเป็นคนที่แข็งแรงมากเลยค่ะ เพราะจะต้องเดินขึ้นเขาที่สูงชัน ระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก่อนที่จะขึ้นเสลี่ยงจะมีการแจกหมายเลขเสลี่ยงให้ค่ะ ต้องจำหมายเลขไว้ให้ดีๆนะคะเพราะตอนขากลับเราต้องนั่งเสลี่ยงหมายเลขเดิมลง มาค่ะ เมื่อถึงจุดหมายปลายทางแล้วคนส่วนใหญ่จะนิยมให้ทิปคนแบกเสลี่ยงค่ะ โดยทิปที่ให้จะอยู่ประมาณ 1,000 จั๊ตต่อคน คนแบกเสลี่ยง 4 คน จึงต้องให้ทั้งหมด 4,000 จั๊ตค่ะ
+++มา ถึงแล้วค่ะโรงแรมที่เราจะพักกันในคืนนี้ ชื่อโรงแรมไจ้โทค่ะ เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ใกล้พระธาตุอินทร์แขวนที่สุดแล้ว ใช้เวลาเดินไปยังพระธาตุเพียง 5 นาทีเท่านั้นค่ะ เรามาเช็คอิน เอากระเป๋าเก็บที่โรงแรมกันก่อนที่จะขึ้นไปนมัสการพระธาตุอินทร์แขวนค่ะ
+++พระธาตุอินทร์แขวนหรือไจ้ทิโย ในภาษามอญมีความหมายว่า หินรูปหัวฤๅษี ตั้งอยู่ที่เมืองไจ้โท บนยอดเขา พวงลวง อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 3,615 ฟุต ลักษณะเด่นของพระธาตุอินทร์แขวน คือเป็นหินสีทอง ความสูง 5.5 เมตร สามารถตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ท้าทายแรงดึงดูดของโลก เชื่อกันว่าในอดีตพระธาตุอินทร์แขวนลอยอยู่เหนือพื้นเป็นช่องว่างขนาดที่แม่ ไก่สามารถลอดผ่านได้ แต่ช่องว่างแคบลงทุกทีจนในปัจจุบันช่องว่างมีขนาดเพียงแค่เส้นผมลอดผ่านได้ พระธาตุอินทร์แขวนนับเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดของประเทศพม่าและยังเป็นพระธาตประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปี จออีกด้วยค่ะ
+++คุณ อ้อยซึ่งเป็นไกด์ท้องถิ่นของเราในทริปนี้ได้เล่าตำนานของพระธาตุอินทร์แขวน ไว้ว่า เดิมทีนั้นบริเวณนี้มีภูเขาอยู่ด้วยกันทั้งหมด 6 ลูก โดยแต่ละลูกนั้นจะมีฤๅษีที่ประจำอยู่ พระพุทธเจ้าได้ทรงมอบพระเกศาให้แก่ฤๅษีแต่ละรูปที่ประจำอยู่ที่ภูเขา กาลเวลาผ่านไปฤๅษีแต่ละรูปก็ได้มรณภาพไปทีละรูป ฤๅษีติสสะซึ่งเป็นผู้ที่รวบรวมพระเกศาของพระพุทธเจ้าไว้ตระหนักได้ว่าหากตน เองมรณภาพไปพระเกศาของพระพุทธเจ้าจะไม่มีใครดูแล พระฤๅษีติสสะจึงนำพระเกศาของพระพุทธเจ้าไปซ่อนไว้ในมวยผมก่อนระหว่างที่คิด จะหาที่อัญเชิญพระเกศาไปบรรจุไว้ เขาตั้งใจว่าจะนำพระเกศาไปบรรจุไว้ในก้อนหินที่มีรูปร่างคล้ายศีรษะของตนเอง พระอินทร์ได้ทราบเรื่องราวจึงมาช่วยฤๅษีหาก้อนหิน แต่พระอินทร์หาเท่าไหร่ก็ยังไม่เจอก้อนหินที่ถูกใจพระฤๅษี จึงนำก้อนหินที่หามาได้ไปวางไว้ตามภูเขาจึงเป็นที่มาของการสร้างพระ ธาตุ อินทร์แขวนจำลองไว้บนก้อนหินที่เชื่อกันว่าเป็นก้อนหินที่พระอินทร์นำมาวาง ไว้ จนในท้ายที่สุดพระอินทร์ค้นหาได้ก้อนหินจากใต้มหาสมุทรที่มีรูปร่างคล้าย ศีรษะของฤๅษีติสสะได้ จึงนำมาวางไว้บนหน้าผา ฤๅษีติสสะจึงนำพระเกศาของพระพุทธเจ้ามาบรรจุไว้ กลายเป็นพระธาตุอินทร์แขวนดังเช่นในปัจจุบัน
+++ก่อน ที่จะขึ้นไปบนพระธาตุอินทร์แขวนเราแวะซื้อระฆังเพื่อนำไปถวายกันก่อนค่ะ และนับว่าเป็นโชคดีที่ทริปของเราในครั้งนี้ได้ขึ้นไปนมัสการพระธาตุอินทร์ แขวนในวันปีใหม่พอดี จึงมีโอกาสได้ชมการถวายเทียน 9,900 เล่มเพื่อนมัสการพระธาตุอินทร์แขวนค่ะ
+++หลัง จากนั้นนำทุกท่านกลับมารับประทานอาหารค่ำที่ห้องอาหารของโรงแรมค่ะ ซึ่งอาหารในมื้อนี้เป็นแบบ บุฟเฟ่ต์ค่ะ หลังรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วเชิญทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยค่ะ หลายท่านขึ้นไปนมัสการพระธาตุอินทร์แขวนกันอีกรอบค่ะ บนพระธาตุอินทร์แขวนนั้นเปิดให้ขึ้นไปนมัสการได้ตลอดทั้งคืน แต่บริเวณที่สามารถเข้าไปปิดทองได้นั้นจะปิดตอน 4 ทุ่มค่ะ พรุ่งนี้เราจะต้องตื่นกันแต่เช้า คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านค่ะ
****************************************************************************
วันที่สามของการเดินทาง วันที่ 2 มกราคม 2556 พระธาตุอินทร์แขวน – เจดีย์ชเวมอดอร์ – พระหินอ่อน – ปางช้างเผือก – เจดีย์ชเวดากอง
+++อรุณ สวัสดิ์ยามเช้าค่ะ วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่ตี 4 เพื่อไปนมัสการพระธาตุอินทร์แขวนกันในยามเช้าค่ะ เชื่อกันว่าหากผู้ใดที่ได้มานมัสการพระธาตุอินทร์แขวนครบ 3 ครั้งในชีวิต เมื่อคิดหวังอะไรก็จะสมปรารถนาค่ะ เช้านี้อากาศค่อนข้างหนาวเลยทีเดียว
+++หลัง จากนั้นเราก็กลับมารับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรมกันค่ะ มื้อนี้ก็เป็นอาหารแบบบุฟเฟ่ต์เช่นเดิมค่ะ หลังรับประทานอาหารเช้าก็ได้เวลาอำลาพระธาตุอินทร์แขวนกันแล้วค่ะ การเดินทางลงจากภูเขาก็เช่นเดียวกันกับขามาคือต้องขึ้นเสลี่ยงแล้วไปต่อรถ 6 ล้อค่ะ ยังจำหมายเลขที่ได้รับแจกมาเมื่อวานได้ใช่ไหมคะ เพราะเราต้องนั่งเสลี่ยงหมายเลขเดิมกลับลงไปค่ะ โดยคนที่แบกเสลี่ยงให้เราจะมารอรับอยู่หน้าโรงแรมเลยค่ะ นั่งเสลี่ยงขึ้นเขาว่าเสียวแล้วตอนขาลงเสียวยิ่งกว่าค่ะ ด้วยเส้นทางที่ลาดชันทำให้เวลาอยู่บนเสลี่ยงจะกระเด้งกระดอนพอสมควร เรียกได้ว่าตับ ไต ไส้ พุงภายในมารวมกันหมดเลยค่ะ จากนั้นก็มาขึ้นรถ 6 ล้อต่อ ประมาณ 30 นาทีก็มาถึงจุดเปลี่ยนรถเพื่อกลับไปขึ้นรถโค้ชของเราแล้วค่ะ
+++หลัง จากนั้นนำท่านเดินทางกลับมายังกรุงหงสาวดีกันค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เป็นเวลาเที่ยงพอดีเลยค่ะ วันนี้เรามารับประทานอาหารกลางวันกันที่ภัตตาคารเจ้าสัว มีเมนูพิเศษเป็นกุ้งแม่น้ำย่างตัวใหญ่ๆค่ะ
+++จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังเจดีย์ชเวมอดอร์ หรือ พระธาตุมุเตา ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางกรุงหงสาวดี พระธาตุมุเตาเป็นพระธาตุที่สูงที่สุดของพม่า มีความสูงถึง 114 เมตร ซึ่งเป็นต้นเหตุของชื่อพระธาตุมุเตา เพราะพระธาตุ มุเตาสูงจนต้องแหงนหน้ามองจึงจะเห็นยอดของพระธาตุ จึงเป็นเหตุให้แสงแดดที่แรงกล้าเผาจมูกจนแสบร้อน ซึ่งคำว่าจมูกร้อนในภาษามอญเรียกว่า มุเตา นั่นเองค่ะ พระธาตุมุเตามีความโดดเด่น คือเป็นเจดีย์ที่มีลักษณะแบบมอญ มีฉัตรแบบเรียบๆ และมีองค์ระฆังของเจดีย์ที่มีลักษณะแคบเรียว ภายนอกหุ้มด้วยทองจังโก้ภายในเป็นอิฐกลวง บริเวณรอบๆองค์เจดีย์มีพระพุทธรูปหลายองค์ให้กราบไหว้ ซึ่งมีลักษณะศิลปะของมอญผสมกับศิลปะของพม่ามีความสวยงาม แปลกตา นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆให้ชมกันด้วยค่ะ
+++พระ ธาตุมุเตามีความสำคัญทางประวัติศาสตร์โดยใช้เป็นสถานที่ทำพระราชพิธีเจาะพระ กรรณของพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้เมื่อครั้งที่พระองค์ขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ ในสมัยของพระเจ้าบุเรงนองได้มีการสร้างฉัตรถวายเพิ่มเติมอีกหลายชั้นจนพระ เจดีย์สูงขึ้นอีกหลายเท่า พระเจ้าบุเรงนองทรงถอดอัญมณีที่ประดับยอดมงกุฎของพระองค์เพื่อถวายเป็นพุทธ บูชา อีกทั้งกล่าวกันว่าก่อนที่พระองค์จะทำศึกคราใดจะทรงมานมัสการพระธาตุมุเตา ก่อนทุกครั้ง และสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเมื่อครั้งยกทัพมาตีกรุงหงสาวดีก็ได้เสด็จมา นมัสการพระธาตุมุเตาด้วย
+++วัน ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2473 เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้ยอดของพระธาตุมุเตาหักพังลงมา แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมากคือ เมื่อยอดของพระธาตุหักลงมาแต่อยอดของพระธาตุนั้นกลับไม่ตกลงถึงพื้น ด้วยความเคารพและศรัทธาที่ชาวเมืองหงสาวดีมีต่อพระธาตุมุเตา จึงได้ทำการสร้างพระธาตุมุเตาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ในปีพ.ศ.2497 ด้วยความสูงถึง 374 ฟุต ส่วนยอดของพระธาตุที่หักลงมาได้มีการนำมาตั้งไว้บริเวณลานด้านทิศเหนือของ พระธาตุองค์ใหม่ซึ่งสถานที่ตรงนี้เองได้กลายเป็นสถานที่อธิษฐานขอพร
+++วิธี การอธิษฐานขอพรที่องค์พระธาตุมุเตาคือ นำหน้าผากไปแตะกับยอดองค์พระธาตุที่หักลงมาแล้วอธิษฐาน จากนั้นจึงนำธูปที่ยังไม่ได้จุด 1 ดอกไปค้ำไว้ที่ยอดองค์พระธาตุ เชื่อว่าจะทำให้ชีวิตของคนคนนั้นไม่ว่าจะถึงช่วงชีวิตที่ตกต่ำอย่างไรชีวิต ก็จะไม่ตกต่ำถึงที่สุด จะมีผู้มาอุปถัมน์ค้ำจุนไว้ เปรียบเสมือนยอดพระธาตุที่ต่อให้ตกลงมาอย่างไรก็ตกไม่ถึงพื้น
+++ปัจจุบันพระธาตุมุเตาเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานของพม่า มีผู้คนทั้งชาวไทยและชาวพม่าไปกราบไหว้กันอย่างไม่ขาดสายเลยค่ะ
+++จากนั้นนำท่านเดินทางต่อไปยังวัดเจ้าดอจี หรือ วัดพระหินอ่อน เป็นพระที่สลักด้วยหินอ่อนก้อนเดียวทั้งองค์และมีขนาดใหญ่ที่สุดในพม่า หนัก 60 ตัน สูง 37 ฟุต สร้างและแกะสลักโดยช่างฝีมือดีสุดในมัณฑะเลย์ โดยพระหินอ่อนจัดแสดงอยู่ในห้องกระจกแก้วที่มีการควบคุมอุณหภูมิ ไว้เพื่อป้องกันการเสียหายของหินอ่อนจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ นอกจากนี้วัดเจ้าดอจียังมีรอยพระพุทธบาทจำลองที่แกะสลักจากหินอ่อนให้ได้ นมัสการกันด้วยค่ะ
+++จากนั้นนำท่านเดินทางต่อไปยังวัดเจ้าดอจี หรือ วัดพระหินอ่อน เป็นพระที่สลักด้วยหินอ่อนก้อนเดียวทั้งองค์และมีขนาดใหญ่ที่สุดในพม่า หนัก 60 ตัน สูง 37 ฟุต สร้างและแกะสลักโดยช่างฝีมือดีสุดในมัณฑะเลย์ โดยพระหินอ่อนจัดแสดงอยู่ในห้องกระจกแก้วที่มีการควบคุมอุณหภูมิ ไว้เพื่อป้องกันการเสียหายของหินอ่อนจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ นอกจากนี้วัดเจ้าดอจียังมีรอยพระพุทธบาทจำลองที่แกะสลักจากหินอ่อนให้ได้ นมัสการกันด้วยค่ะ
+++จากนั้นนำไปชมช้างเผือกคู่ บ้านคู่เมืองของพม่ากันที่ปางช้างเผือกค่ะ ปัจจุบันประเทศพม่ามีช้างเผือกอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 เชือกค่ะ คุณอ้อยได้เล่าว่าในตอนแรกพรานป่าได้ช้างตัวผู้ชื่อ ราชา มาก่อน แต่เมื่อเลี้ยงไปได้ซักระยะ ช้างตัวผู้เกิดอาการซึมเศร้า พรานป่าจึงตัดสินใจปล่อยราชากลับเข้าป่าไป แต่ราชากับกลับมาพร้อมช้างเผือกตัวเมียอีก 2 ตัว ชื่อเป็งกีมาลากับราตรีมาลาค่ะ พรานป่าจึงนำช้างเผือกทั้ง 3 เชือกมามอบให้แก่รัฐบาลพม่าค่ะ
+++บริเวณพระเดีย์ชเวดากองจะมีพระพุทธรูปและรูปปั้นสัตว์ประจำวันเกิดตั้งอยู่รอบๆลานเป็นคู่ โดยสัตว์ประจำวันเกิดของพม่า จะมีดังนี้ค่ะ
- วันอาทิตย์ ครุฑ ตั้งอยู่ที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
- วันจันทร์ เสือ ตั้งอยู่ที่ทิศตะวันออก
- วันอังคาร สิงห์ ตั้งอยู่ที่ทิศตะวันออกเฉียงใต้
- วันพุธ (กลางวัน) ช้างมีงา ตั้งอยู่ที่ทิศใต้
- วันพุธ (กลางคืน) ช้างไม่มีงา ตั้งอยู่ที่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
- วันพฤหัสบดี หนูหางยาว ตั้งอยู่ที่ทิศตะวันตก
- วันศุกร์ หนูหางสั้น ตั้งอยู่ที่ทิศเหนือ
- วันเสาร์ พญานาค ตั้งอยู่ที่ทิศตะวันตกเฉียงใต้
+++เชื่อ กันว่าการสรงน้ำพระพุทธรูปและสัตว์ประจำวันเกิดจะสร้างความบริสุทธิ์และความ สุขความเจริญแก่ผู้สรงน้ำ โดยวิธีการสรงน้ำนั้นจะสรงที่พระพุทธรูปองค์สีขาวด้านหน้าก่อน จากนั้นจึงสรงน้ำพระอินทร์ แล้วสรงที่เสาด้านหลัง และสุดท้ายจึงสรงที่สัตว์ประจำวันเกิด โดยจะรดน้ำด้วยขันเล็กๆที่มีจัดเตรียมไว้ให้เป็นจำนวนเท่ากับอายุ+1 แต่สำหรับผู้ที่อายุมากแล้วอาจจะลดลงเหลือ 5 ขัน ซึ่งหมายถึงพระรัตนไตรย์รวมกับบิดามารดาก็ได้ค่ะ
+++สำหรับ ท่านที่มีบุตรยากเชื่อกันว่าให้มาขอพรจากเทวดาอุ้มเด็กด้านขวามือจะทำให้มี บุตร ส่วนท่านใดที่มีบุตรแล้วอยากจะให้บุตรเป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่ายให้ขอพรจากเทวดาถือดอกบัวด้านซ้ายมือค่ะ
+++นำ ท่านมารับประทานอาหารเย็นกันที่ภัตตาคารไพลินค่ะ อยู่ที่พม่ามาหลายวันแล้ว หลายท่านคงจะคิดถึงอาหารไทยรสจัดจ้าน มื้อนี้เราจะได้ทานอาหารไทยกันทั้งต้มยำ ผัดกะเพรา น้ำพริกค่ะ
+++นำ ท่านมารับประทานอาหารเย็นกันที่ภัตตาคารไพลินค่ะ อยู่ที่พม่ามาหลายวันแล้ว หลายท่านคงจะคิดถึงอาหารไทยรสจัดจ้าน มื้อนี้เราจะได้ทานอาหารไทยกันทั้งต้มยำ ผัดกะเพรา น้ำพริกค่ะ
+++คืนสุดท้ายในพม่าเราจะพักกันที่โรงแรม YUZANA HOTEL ค่ะ เป็นโรงแรมที่อยู่ใกล้พระเจดีย์ชเวดาดอง สามารถมองเห็นวิวเจดีย์จากห้องพักเลยค่ะ โรงแรม YUZANA HOTEL เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวแต่ห้องพักใหญ่ กว้างขวางมากเลยค่ะ โทรทัศน์ในห้องพักสามารถรับชมช่องของไทยได้ด้วยนะคะ
****************************************************************************
วันที่สี่ของการเดินทาง วันที่ 3 มกราคม 2556 เจดีย์โบดาทาวน์ – เทพทันใจ – สก็อตมาร์เก็ต – กรุงเทพฯ
+++อรุณ สวัสดิ์ค่ะ เช้านี้เรารับประทานอาหารเช้ากันที่ห้องอาหารของโรงแรม ซึ่งเป็นอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ค่ะ จากนั้นเราเดินทางต่อไปยังเจดีย์โบดาทาวน์ค่ะ เจดีย์โบดาทาวน์ แปลว่า เจดีย์ทหารหนึ่งพันนาย ตำนานเล่าว่าเมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน พระเจ้าโอกะลาปะกษัตริย์มอญได้ทรงให้นายทหารระดับแม่ทัพตั้งแถวถวายเครื่อง สักการะแก่พระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าที่พ่อค้าสองพี่น้องอัญเชิญมาทางเรือ และมาขึ้นฝั่งที่เมืองดากอง จึงสร้างเจดีย์โบดาทาวน์ไว้เป็นที่ระลึก พร้อมทั้งแบ่งพระเกศา 1 เส้นมาบรรจุไว้ก่อนที่จะนำไปบรรจุในเจดีย์ชเวดากอง จนกระทั่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรได้ทิ้งระเบิดถล่มกรุงย่างกุ้ง ทำให้เจดีย์โบดาทาวน์องค์เดิมถูกทำลายลง แต่ในระหว่างการบูรณะได้ค้นพบผอบที่บรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมสารีริกธาตุ
+++เจดีย์โบดาทาวน์องค์ ใหม่สร้างเสร็จในปี พ.ศ.2496 จึงได้มีการนำพระเกศาธาตุมาบรรจุในมณฑปครอบแก้วใส ประดิษฐาน ณ ใจกลางเจดีย์โบดาทาวน์และทำช่องทางให้พุทธศาสนิกชนเข้าไปสักการะได้อย่าง ใกล้ชิด
+++ภายในบริเวณเจดีย์โบดาทาวน์เป็นที่ประดิษฐานของนัตโบโบยีหรือเทพทันใจนั่น เองค่ะเชื่อกันว่านัตโบโบยีเป็นเทพผู้ปกปักษ์รักษาและบันดาลโชค ผู้ที่เข้าไปอธิษฐานขอพรจากท่านจะได้ผลชะงัดรวดเร็วทันใจ จึงเป็นที่มาของชื่อ เทพทันใจค่ะ โดยวิธีขอพรจากเทพทันใจนั้นให้นำเครื่องสักการะอันประกอบไปด้วยมะพร้าว กล้วยนากสีแดง ช่อใบไม้ที่เรียกว่าใบชัยชนะ ฉัตร และตุงขนาดเล็ก ซึ่งจะมีขายในบริเวณวัด ราคา 3,000 จั๊ตค่ะ ถวายแก่เทพทันใจ จากนั้นให้เตรียมเงินธนบัตร 2 ใบม้วนเป็นรูปกรวยซ้อนทับกันพับปลายแหลมขึ้นเล็กน้อย จากนั้นนำไปใส่ไว้ในมือของเทพทันใจ จากนั้นนำหน้าผากของเราไปแตะชิดที่นิ้วชี้ของเทพทันใจพร้อมกับอธิษฐานสิ่ง ที่เราปรารถนาโดยจะขอได้เพียง 1 อย่างเท่านั้น จากนั้นนำผ้าสีไปคล้องคอท่านแล้วไหว้อีก 1 รอบพร้อมอธิษฐานขอธนบัตร 1 ใบเพื่อนำไปเก็บไว้เป็นศิริมงคล แล้วจึงหยิบเงินที่ซ้อนในกรวยในมือท่านออก 1 ใบนำมาเก็บรักษาไว้ค่ะ
+++นำท่านเดินทางไปซื้อของฝากก่อนเดินทางกลับประเทศไทยที่ตลาดสก็อตค่ะ ตลาดสก็อตหรือตลาดโบยก อองซาน ตั้งอยู่ใกล้กับอาคารการรถไฟของประเทศพม่าในกรุงย่างกุ้ง เปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. เป็นแหล่งรวมสินค้าของฝากทุกชนิด มีสินค้าหลากหลายมากค่ะ ทั้งอาหาร เสื้อผ้า เครื่องเงิน อัญมณี ไม้แกะสลัก เสื้อผ้า เป็นต้นค่ะ สินค้าที่นี่ราคาไม่แพง สามารถต่อรองได้ และที่นี่ทุกท่านสามารถจับจ่ายใช้สอยได้ด้วยเงินทุกสกุลทั้งจั๊ต บาท และดอลล่าห์ค่ะ
+++ได้เวลาอันสมควรที่เราจะต้องโบกมือลาประเทศพม่าแล้วค่ะ นำทุกท่านเดินทางสู่สนามบินมิงกาลาดงเพื่อเดินทางกลับประเทศไทย ด้วยสายการบิน Myanmar Airways ด้วยเที่ยวบินที่ 8M331 เวลา 16.30 น. ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีเราก็เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 18.20 น. โดยสวัสดิภาพ การเดินทางในครั้งนี้เป็นทริปที่น่าประทับใจมากเลยค่ะ ทั้งได้ทำบุญต้อนรับปีใหม่ ได้ออกเดินทางเพื่อเปิดประสบการณ์ในโลกกว้าง หวังว่าทุกท่านที่ได้อ่านบันทึกการเดินทางนี้จะได้รับความสนุกสนาน และความรู้ไปไม่มากก็น้อย ท่านใดที่สนใจจะเดินทางท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นเส้นทางพม่าอย่างที่มินไปใน ครั้งนี้ หรือเส้นทางอื่นๆ สามารถติดต่อได้ที่ Spirit of the World นะคะ ขอบคุณค่ะ
By...นักเดินทางหลงทิศ
****************************************************************************
ทัวร์ย่างกุ้ง ทัวร์หงสาวดี ทัวร์มัณฑะเลย์ ทัวร์พุกาม
ทัวร์ย่างกุ้ง ทัวร์หงสาวดี ทัวร์มัณฑะเลย์ ทัวร์พุกาม
ทัวร์เกาหลี ทัวร์เกาหลี ทัวร์เกาหลี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น